วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557

ขอให้จบจริง










              ภาพประชาชน และตำรวจยื่นดอกไม้ให้แก่กัน จับมือ ส่งรอยยิ้มให้แก่กัน และยังช่วยกันทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการปะทะกัน ภายหลังจากตำรวจยอมให้กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)  เมื่อช่วงสายวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมๆ กับการประกาศชัยชนะของกลุ่มต่อต้านนั้น

             ส่งผลให้ความรุนแรง และความตึงเครียดทางการเมือง ที่ก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกัน และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากนั้น ลดอุณหภูมิลงได้มาก จนดูเหมือนว่าความขัดแย้งจบลงไปแล้ว

           ทำให้ประชาชน และธุรกิจ ร่วมยินดีไปด้วย เพราะถ้าเหตุการณ์จบลงเร็วโดยไม่มีความรุนแรง ผู้คนมั่นใจที่จะใช้จ่ายมากขึ้น นักท่องเที่ยวยังคงเที่ยวไทย ซึ่งจะมีเงินเข้าประเทศ และกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตได้ เพราะตั้งแต่มีการประท้วง คนส่วนใหญ่ไม่มั่นใจจะรุนแรงหรือไม่ และจะยืดเยื้อถึงเมื่อไร ประกอบกับ เศรษฐกิจในประเทศยังไม่ดี จึงไม่กล้าใช้จ่าย

              เห็นได้จาก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.56 อยู่ที่ 75.0 ลดจาก 76.6 ในเดือน ต.ค.56 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปัจจุบันอยู่ที่ 59.2 ลดจาก 60.3  และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 79.9 ลดจาก 81.7 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 65.0 ลดลงจาก 66.6 ส่วนดัชนีความสุขในการดำเนินชีวิตปัจจุบันอยู่ที่ 78.0 ลดจาก 80.0 และดัชนีความคิดเห็นทางการเมืองอยู่ที่ 55.0 ลดจาก 58.6

   ปัจจัยลบหลักคือ ความกังวลทางการเมือง และความไม่แน่นอนทางการเมืองในอนาคต ทำให้ประชาชนวิตกถึงความรุนแรง และกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ

             
  นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า การที่ผู้ชุมนุมเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล และบช.น. ได้ โดยมีการจับมือกันระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจ ช่วยลดความตึงเครียดลงได้ ซึ่งน่าจะทำให้ต่างชาติ และภาคธุรกิจลดความกังวลลง หากการชุมนุมจบเร็ว เศรษฐกิจจะเสียหายไม่เกิน 20,000 ล้านบาท หรือจีดีพีปีนี้หายไป  0.1-0.2% ส่วนปีหน้าคาดโตได้ 4.5-5%

  แต่ท่ามกลางการโห่ร้องฉลองชัยชนะ เชื่อแน่ว่า ความขัดแย้งยังไม่จบลงอย่างแท้จริง เพราะนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลยังไม่ไปไหน รวมทั้ง ระบอบทักษิณยังคงอยู่ และจริงอย่างที่คิด หลังการโด๊ปน้ำเกลือเพิ่มพลัง  นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขา กปปส. ได้ขึ้นเวทีที่ศูนย์ราชการฯ ประกาศว่า

  อย่าเพลิดเพลินว่างานของเราสำเร็จแล้ว เพราะยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลทรราชยังอยู่ ต้องเดินหน้าต่อสู้ต่อไปจึงจะชนะในที่สุด

  เช่นนี้ก็หมายความว่า ความขัดแย้งจะยังคงอยู่ต่อไป เพราะประชาชนจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อขับไล่ ชินวัตร”  ให้พ้นจากประเทศ และการเมืองไทย จึงจะเรียกว่า ชัยชนะที่แท้จริงใช่หรือไม่

  อยากให้ทั้งรัฐบาล และกลุ่มต่อต้าน คิดสักนิดว่า ถ้าสู้กันถึงที่สุดจนฝ่ายหนึ่งชนะ ใครจะได้ประโยชน์หรือไม่ อย่างไร นักการเมือง ประชาชน หรือประเทศ  ถ้าอ้างตัวว่ารักชาติจริง ไม่ปากว่าตาขยิบ รัฐบาลน่าจะยอมคืนอำนาจสู่ประชาชน ส่วนกลุ่มต่อต้านก็น่าจะหยุด เพราะสู้มาจนชนะแล้ว

   แต่ไม่ว่าใครจะชนะ ท้ายที่สุดประชาชนก็ไม่ได้อะไรจากการยอมแลกชีวิต เลือดเนื้อ เพราะเมื่อนักการเมืองขึ้นเป็นใหญ่ เคยหันกลับมาเหลียวแล และสร้างประโยชน์ให้ประชาชนหรือไม่ ส่วนใหญ่ล้วนเข้ามาโกงกิน อยากให้ประชาชนแบนนักการเมืองโกงกิน และสนับสนุนคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศจะดีกว่ามะ
             


                                                          ฟันนี่เอส

                                                                                     5
ธ.ค.56

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น