วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แผนแก้ปัญหาค้ามนุษย์


                                                





            ไม่เกินความคาดหมาย รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ปี 57 ที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯประกาศสัปดาห์ก่อน โดยไทยอยู่ในระดับต่ำสุดคือ ระดับ 3 (Tier3) จากระดับ 2 แบบถูกจับตามอง (Tier 2 Watch List) ติดต่อกันถึง 4 ปี

            ไทยติดโผประเทศที่มีการค้ามนุษย์ และใช้แรงงานผิดกฎหมาย ไม่สอดคล้องกับกฎหมายป้องกันการค้ามนุษย์ของสหรัฐฯมาหลายปีแล้ว แต่หน่วยงานหลักของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะกระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ



















           แทบไม่ได้แก้ปัญหาจริงจัง ปล่อยให้ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมเสี่ยง เช่น ประมง สิ่งทอ อ้อย ฯลฯ แก้ปัญหาแบบตามมีตามเกิด ทั้งๆ ที่ ต้องทำเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไข เพราะการค้ามนุษย์ในไทย ทำกันเป็นขบวนการ มีคนเกี่ยวข้องมาก โดยเฉพาะคนที่มีอำนาจในหน่วยงานภาครัฐ

                เพิ่งเห็นช่วง 1-2 ปีให้หลัง ที่หน่วยงานเหล่านี้เร่งรีบแก้ไข เพราะถึงเวลาที่สหรัฐฯจะประกาศรายงานการค้ามนุษย์ปี 57 เช่น ดำเนินคดีกับผู้ค้ามนุษย์และบังคับใช้กฎหมาย, คุ้มครองสวัสดิการแรงงาน โดยรัฐบาลจัดสรรงบประมาณกว่า 190 ล้านบาท เป็นต้น

               การอยู่ในระดับ 3 เป็นระดับที่ให้อำนาจรัฐบาลสหรัฐฯ เพิกถอนความช่วยเหลือด้านอื่นๆ ที่ให้กับไทย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการค้า และมนุษยธรรม ภายใน 90 วัน แต่ระหว่างนี้ หรือไม่เกิน 30 วัน รัฐบาลไทย ต้องจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาแรงงาน และนำเสนอต่อกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อโน้มน้าวให้กระทรวงการต่างประเทศเสนอประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ยกเลิกความช่วยเหลือไทย








               แต่ในเบื้องต้น นางศรีรัตน์ รัษฐปานะปลัดกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์ไทยในต่างประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เดินสายชี้แจงทำความเข้าใจรัฐบาลสหรัฐฯ สภาคองเกรส บริษัทค้าปลีก และผู้นำเข้า ถึงแนวทางการแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามจนกระทบต่อการค้า

              จากนั้น กระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับภาคเอกชน เพื่อประเมินผลกระทบและกำหนดท่าทีดำเนินการ ก่อนส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการเสนอให้สหรัฐฯพิจารณา นอกจากนี้ ยังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน ยื่นถอดถอน 5 สินค้า ได้แก่ กุ้ง เครื่องนุ่งห่ม อ้อย สื่อลามก และปลา ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ กล่าวหาไทยใช้แรงงานเด็ก หรือแรงงานบังคับออกจากบัญชีนี้ด้วย ก่อนประกาศผลเดือนก.ย.นี้

                ส่วนแผนระยะยาว ได้ตั้งคณะกรรมการด้านการค้าและแรงงาน เพื่อให้ไทยป้องกันและแก้ปัญหาและผลกระทบทางการค้าจากปัญหาแรงงานและการค้ามนุษย์อย่างรอบด้าน มีประสิทธิภาพ และสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว ที่จัดตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ด้วย

                หวังว่า การทำงานของภาครัฐ และภาคเอกชน จะบรรลุผลสำเร็จ แก้ปัญหาแรงงานได้ในระยะยาว และไม่ทำให้นานาประเทศใช้เป็นข้ออ้างกีดกันการค้ากับไทยได้อีกต่อไป




                                                                                   ฟันนี่เอส


                                              26 มิ.ย.57




              ..........................................................................










                                       ....................................................................










วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เชียร์แก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว







                                                         

               อีกเรื่องที่กำลังเป็นข่าวใหญ่ขณะนี้คือ การอพยพกลับบ้านเกิด และการละทิ้งงานอย่างต่อเนื่องของแรงงานต่างด้าว ที่เข้ามาทำงานในบ้านเรา จนส่งผลกระทบต่อกิจการของนายจ้าง

               ด้วยความกลัวว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะจับกุมกวาดล้าง และผลักดันออกนอกประเทศ โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย

               ส่งผลให้ คสช. ต้องออกประกาศฉบับที่ 67/2557 เรื่องมาตรการชั่วคราวในการดำเนินการต่อแรงงานต่างด้าว โดยยืนยันว่า ยังไม่มีนโยบายเร่งรัดจับกุมกวาดล้างแรงงานต่างด้าวขณะนี้


                คสช.เพียงแค่ต้องการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวให้ถูกกฎหมาย เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม การจ้างงานที่ไม่เป็นธรรม การประทุษร้าย

               รวมถึงเพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างเป็นธรรมตามหลักสิทธิมนุษยชน และหลักมนุษยธรรม ซึ่งจะทำให้ไทยชี้แจงกับนานาประเทศได้โดยไม่ถูกลดระดับความน่าเชื่อถือ และไม่ถูกหยิบยกขึ้นเป็นข้ออ้างกีดกันนำเข้าสินค้า

                นอกจากนี้ คสช.ยืนยันด้วยว่า มาตรการ / กระบวนการ และการปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ขอให้นายจ้าง ที่มีลูกจ้างเป็นแรงงานต่างด้าว ทำความเข้าใจกับลูกจ้างและให้ความร่วมมือกับคสช. แก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมทั้งระบบ












              เชื่อว่า คนไทยจำนวนมาก ต้องการให้ คสช.แก้ปัญหานี้ให้ได้อย่างยั่งยืน เพราะแรงงานต่างด้าว ผิดกฎหมาย เป็นปัญหาใหญ่ของไทยมานานแล้ว เพราะบางส่วนก่อปัญหาอาชญากรรม มีตั้งแต่ลักเล็กขโมยน้อย ฉกชิงวิ่งราว ไปจนถึงจี้ปล้น ฆ่านายจ้าง หรือมีปัญหายาเสพติด

               และยังใช้ทรัพยากรของไทยเช่นเดียวกับคนไทย อย่างการรักษาฟรี หรือเรียนฟรี ทั้งที่คนไทย และเด็กไทยบางส่วนยังไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล หรือการศึกษาได้

              ซึ่งงบประมาณของโรงพยาบาล และโรงเรียนเหล่านั้นมาจากภาษีคนไทย เหมือนคนไทยเป็น เตี้ยอุ้มค่อมตัวเองยังไม่ดีเท่าที่ควร กลับต้องรับภาระดูแลแรงงานต่างด้าวเหล่านี้ เพียงเพราะคำว่า มนุษยธรรมโดยที่นายจ้างได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว

              จำเป็นที่ คสช.ต้องทำให้ถูกต้อง โดยเฉพาะการกวาดล้างขบวนการลักลอบนำเข้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ซึ่งคงรู้ดีว่าเป็นใครบ้าง ขณะเดียวกัน ต้องจัดการขั้นเด็ดขาดกับนายจ้าง ที่ซื้อแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย บังคับใช้แรงงานต่างด้าวเยี่ยงทาส โดยไม่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน หรือเมตตาธรรม

             ถ้าทำให้ถูกต้องแล้ว  นานาประเทศคงเลิกประณาม และเลิกใช้เป็นข้ออ้างกีดกันนำเข้าสินค้าไทย ขณะที่คนไทยจะได้เลิกกังวล หรือเลิกหวาดกลัวว่าแรงงานต่างด้าวจะสร้างปัญหาขึ้นอีก

            เพราะเมื่อแรงงานต่างด้าวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ถูกดบังคับกดขี่ หรือถูกทารุณกรรม ก็จะอยู่กับคนไทยด้วยความสงบ ไม่สร้างปัญหา!!


                                                                   

                                                                             ฟันนี่เอส


                                          19
มิ.ย.57

วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ห่วงพนันบอลโลก

                                             











            การแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิลเริ่มต้นขึ้นแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนไทยแน่ๆ คือ การพนันผลบอล ที่คาดว่าแฟนบอลชาวไทย จะเล่นพนันผลบอล เพื่อหวังเงินรางวัลจำนวนมาก ทำให้มีเม็ดเงินสะพัดมหาศาล และอาจก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมาอีกมาก ขณะที่อีกหลายประเทศดูเพื่อความบันเทิง

            จากผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคช่วงมหกรรมฟุตบอลโลก 2014 ระหว่างวันที่ 12 มิ.ย.-13 ก.ค.57 โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า ประชาชนทั่วประเทศจะมีการใช้จ่ายมูลค่าสูงถึง 69,245.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่ใช้จ่าย 59,672.7 ล้านบาท

               และเพิ่มขึ้น 6.6% จากช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโรปี 2012 ที่ใช้จ่าย 64,928.2 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและสังสรรค์ 21,917.2 ล้านบาท การซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์รับสัญญาณ 2,496.9 ล้านบาท และอื่นๆ  (ซื้อหวย สลากกินแบ่งรัฐบาล และของที่ระลึก) 1,301.4 ล้านบาท







               แต่ส่วนใหญ่อีก  43,530 ล้านบาท เป็นเงินที่ใช้ในการพนัน เพิ่มขึ้น 17% จากการแข่งขันบอลโลก 2010  หรือคิดเป็นวงเงินพนันเฉลี่ย 5,072 บาทต่อนัด หรือเฉลี่ย 7,119 บาทต่อคน

                ที่มาของเงินที่นำมาใช้ในพนัน จากการสอบถามประชาชนตัวอย่าง ส่วนใหญ่ 53.8% บอกว่าเป็นเงินเดือน รองลงมา 21.9% บอกว่าเป็นเงินออม, อีก 11.5% บอกเป็นเงินโบนัสหรือรายได้อื่นๆ, 9.9% มาจากผู้ปกครอง, 2.9% กู้ยืม และอีก 0.1% มาจากแหล่งอื่นๆ 

            สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ การพนันนอกระบบ หรือการพนันตามโต๊ะบอล ที่เปิดรับแทงกลาดเกลื่อนทุกหัวระแหง จะเป็นปัจจัยเสี่ยงก่อให้เกิดหนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้น












                โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือลูกจ้างรายวัน และกลุ่มนักศึกษา เพราะมีความเสี่ยงที่เมื่อเล่นเสียแล้ว จะไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ ทำให้อัตราการ เบี้ยวหนี้สูงกว่าแฟนบอลในกลุ่มอื่นๆ

                แต่กลุ่มเหล่านี้ เมื่อถึงตาจน ก็อาจหาทางออกด้วยการฉกชิงจี้ปล้น สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน เพราะไม่อยากถูกเจ้าของโต๊ะบอลทวงหนี้มหาโหด ซึ่งก็มีทั้งแบบเบาๆ เบาะๆ ไปจนถึงขั้นทำร้ายทรัพย์สิน ร่างกาย และเอาชีวิตกันเลย

               ช่วงนี้ถือเป็นช่วงดีที่ประเทศมีการปฏิรูปในด้านต่างๆ ดังนั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควรกวดขันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจจับการพนันอย่างเข้มงวด และจริงจัง โต๊ะบอลต่างๆ ถ้าไม่อยากให้มีก็ต้องไม่มีจริงๆ ไม่มีการยกเว้นแม้ว่าโต๊ะนั้นๆ จะจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับใคร หน้าไหนก็ตาม







              ขณะเดียวกัน แฟนบอลควรมีจิตสำนึกดูกีฬาเพื่อความบันเทิง ไม่ใช่หวังร่ำรวยจากการพนัน ต้องคิดเผื่อเสียบ้าง ไม่ใช่คิดฝันแต่จะได้อย่างเดียว ส่วนผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิดในการรับชมฟุตบอลโลก ให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนในเรื่องของโทษเมื่อติดพนันบอล

                  ถ้าทำได้ การพนันบอลคงซาลงบ้าง และน่าจะถือโอกาสขยายผลไปยังการพนันอื่นๆ ด้วย เพราะได้ข่าวว่า ตอนนี้ บ่อนต่างๆ ยังเปิดได้ ไม้เว้นแม้แต่ตู้ม้าด้วยซ้ำ





                                                                                      ฟันนี่เอส


                                               12
มิ.ย.57

วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ปฏิรูปประเทศระยะยาว







วันก่อน มีโอกาสคุยกับ “รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์” อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถึงข้อเสนอแนะที่ฝากไปถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้นำไปบรรจุในโรดแม็ปเศรษฐกิจของประเทศ

เพราะขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ดี ที่จะ “รื้อ” หรือ “ปฏิรูป” ประเทศในด้านต่างๆ ครั้งใหญ่ เพราะ คสช. มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และมีความเฉียบขาดที่จะดำเนินการได้

โดยภายหลังจากการเพิ่ม Demand Side ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงิน หรือหนี้ค้างจ่ายให้กับชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวที่ยังไม่ได้เงินตั้งแต่เดือนธ.ค.56 ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่เห็นผลเร็วที่สุด ทำให้เศรษฐกิจฐานรากฟื้นตัวขึ้น และช่วยพยุงให้เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศดีขึ้นได้แล้ว

ในระยะยาว ต้องปรับโครงสร้างการผลิตของประเทศ เพื่อเพิ่ม Supply Side เช่น Exit Plan กำหนดว่าอุตสาหกรรมใดเหมาะ หรือไม่เหมาะกับประเทศ ถ้าไม่เหมาะสม ต้องวางแผนลดและเลิกการผลิตภายในระยะเวลากี่ปี เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการ “ช็อค” ถ้าหักดิบยกเลิกในทันที





 และต้องส่งเสริมให้ภาคเอกชนทำอุตสาหกรรมที่เหมาะสมแทน เช่น อุตสาหกรรมการเกษตร อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมอาหาร ฯลฯ จากนั้นต้องทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดทั้งมวลมาที่อุตสาหกรรมที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตให้ดีขึ้น

อย่างเช่น ถ้าเห็นว่าอุตสาหกรรมอาหารเหมาะสมกับประเทศ ต้องจัดสรรทรัพยากรมาสู่ภาคนี้ สร้างระบบชลประทาน พัฒนาเทคโนโลยีการเกษตร ลดต้นทุนการผลิต เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต และการแข่งขันให้เหนือกว่าคู่แข่ง











ส่วนอุตสาหกรรมที่ไม่เหมาะ เช่น อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานจำนวนมาก อย่างสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม ควรส่งเสริมให้ภาคเอกชนไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้านแทน เพราะค่าจ้างแรงงานถูกกว่าไทยมาก และยังได้รับสิทธิประโยชน์ส่งออกไปประเทศพัฒนาแล้ว ที่จะช่วยเพิ่มแต้มต่อให้กับสินค้าได้อีก

 นอกจากนี้ ต้องปฏิรูปภาคการเกษตร โดยจัดทำโซนนิ่งพื้นที่เพาะปลูกพืช เช่น พื้นที่ดอน ปลูกข้าวไม่ได้ผลดี ควรสนับสนุนให้ปลูกอ้อย หรือมันสำปะหลัง ที่มีราคาดีกว่าแทน






รวมถึงส่งเสริมให้ปลูกพืช 5 ชนิดหลัก ทั้ง ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา อ้อย และข้าวโพด เพื่อความยั่งยืนด้านอาหารและพลังงานทดแทน และช่วยยกระดับรายได้ สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร

การปฏิรูปสิ่งเหล่านี้ ต้องกำหนดเป็น “วาระแห่งชาติ” หรือออกเป็นกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ในระยะยาว ไม่ใช่หมดยุคคสช.แล้ว รัฐบาลใหม่ไม่ดำเนินการตาม เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น การยึดอำนาจครั้งนี้ จะไม่ก่อประโยชน์ใดๆ เลย

อาจารย์ยังฝากทิ้งท้ายว่า ขอให้ คสช.พิจารณาแต่ละโครงการที่เสนอมาเพื่อบรรจุในโรดแม็ปอย่างละเอียด รอบคอบที่สุด เพราะอาจมีการ “สอดไส้” หรือ “วางยา” ได้




ฟันนี่เอส



5 มิ.ย.57