วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

คำชมจากยูเนสโก


 











 
 
 
 

              ไม่น่าเชื่อ! นโยบายแจกแท็บเล็ตให้นักเรียนประถมศึกษาปีที่ 1 ของรัฐบาล หรือโครงการ One Tablet PC Per Child ภายใต้แนวคิด “เติมปัญญาด้วยเทคโนโลยี” ที่ถูกโจมตีอย่างมาก จะได้รับการสนับสนุน และชื่นชมจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก

 

              โดยในการประชุมรัฐมนตรีเอเชียแปซิฟิกด้านไอซีทีในการพัฒนาการศึกษา (AMFIE) ประจำปี 2555 ในหัวข้อ พลังของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีต่อนโยบายการศึกษา-การประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานด้านการศึกษา" จัดโดยยูเนสโก กรุงเทพฯ ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) เมื่อวันก่อน

 
 
 
 
 

              ผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก นางอิรินา จอร์จิเอวา โบโควา ถึงกับออกปากยกย่องรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า โครงการแจกแท็บเล็ตให้เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาของรัฐบาลไทยไม่ต่างอะไรกับ การปฏิวัติวงการศึกษา

 

              เพราะปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอซีที) เป็นสิ่งจำเป็นมาก ไม่ได้สำคัญเฉพาะแต่ครูและเด็กเท่านั้น แต่รวมถึงคนในครอบครัวด้วย ดังนั้น แท็บเล็ตจึงไม่ควรใช้เฉพาะด้านการศึกษา แต่ควรครอบคลุมองค์ความรู้ในเรื่องการประกอบอาชีพด้วย

 


 




  สำคัญ โครงการดังกล่าว ยังสอดคล้องกับแนวทางของยูเนสโก ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการนำไอซีทีมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษา แต่ไทยต้องพัฒนาศักยภาพของครูในท้องถิ่น และสื่อดิจิตอลโดยเร็วด้วย ขณะเดียวกัน ยูเนสโกพร้อมจะศึกษาความเป็นไปได้ที่จะนำโครงการนี้ไปเป็นแม่แบบประยุกต์ใช้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่อไป

 

              ”ฟันนี่เอส” ฟังแล้วก็อดดีใจ และยิ้มหวานไปกับรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ เพราะคำชื่นชมนี้ไม่ใช่ของคนไทย ที่มีแต่ติเตียนนโยบายรัฐบาลไปซะทุกเรื่อง แต่เป็นคำชื่นชมยินดีจากองค์กรระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียง

 

  แต่ก็ไม่อยากให้รัฐบาลหลงระเริงกับคำชม จนลืมปรับปรุง และพัฒนาโครงการให้ดีขึ้น โดยเฉพาะคุณภาพ หรือสเปกต์ของแท็บเล็ต และเนื้อหาสาระที่ต้องการให้เด็กๆ ได้ศึกษาเล่าเรียน

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

              เพราะเพิ่งจะแจกแท็บเล็ตได้ไม่นาน มีการแฉสารพัดปัญหากันแล้ว เช่น ไม่มีระบบตัดไฟ ภายหลังการชาร์จแบตเตอรี่เต็มแล้ว ซึ่งจะทำให้เครื่องรีชาร์จไปเรื่อยๆ จนเครื่องเสื่อมคุณภาพเร็ว และยังอาจเกิดไฟดูดผู้ใช้ได้ เพราะตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมนำไฟฟ้า

 

  หรือบางเครื่องแบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งที่ตามสเปกต์แล้วต้องใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 6 ชั่วโมง ไม่มีรับการรับรองทางการแพทย์เรื่องการแผ่รังสี ที่จะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ หรือ บริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ ผู้ผลิตมั่วแปลคำเตือนเป็นภาษาไทยอย่างผิดๆ อ่านไม่ได้ความหมาย

 
 
 
 
 
 

  สิ่งเหล่านี้ไม่รู้ว่าเกิดจากบริษัทผู้ผลิตมั่วนิ่มทำไม่ได้ตามสเปกต์เอง หรือว่าเงินค่าจ้างผลิตไม่ถึง เพราะมีการกินหัวคิว หรือเรียกรับเงินใต้โต๊ะกันแน่!!

 

  ถ้าเป็นเหตุผลแรกก็ต้องเข้มงวดกวดขันบริษัท ผลิตให้ตรงสเปกต์ ถ้าไม่ได้ต้องเล่นไม้แข็งเลิกว่าจ้างกันไป แต่ถ้าเป็นเหตุผลหลัง นายกรัฐมนตรีต้องเล่นงานคนผิดให้หนัก อย่าให้เสียชื่อโครงการดีๆ แบบนี้เลย

                       

 

 

     ฟันนี่เอส

 

 

                                                     13 ก.ย. 55

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น