วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ขอเถอะ...อย่าล้มเหลวเลย





 

 

                     ถ้าพูดอย่างเป็นธรรม การลดค่าครองชีพประชาชน หรือการทำให้ประชาชนสามารถหาซื้อสินค้า ทั้งของกิน ของใช้ได้ในราคาถูก เป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับผู้ปฏิบัติอย่างกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์
            สาเหตุเพราะประเทศไทยเป็นประเทศการค้าเสรี ดังนั้น ผู้ประกอบการภาคเอกชน แม้กระทั่งพ่อค้าแม่ค้ารายเล็กรายน้อย หาบเร่แผงลอย จึงสามารถทำธุรกิจ และค้าขาย ได้โดยเสรี ไม่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล




              ส่งผลให้ผู้ประกอบการขายสินค้าต่างๆ ที่ไม่ใช่สินค้าควบคุม หรือไม่ใช่สินค้าที่ติดตามดูแลภาวะราคาของงกรมการค้าภายใน สามารถตั้งราคาได้เองตามใจชอบ และมีกำไรมากเกินสมควร
              โดยเฉพาะเมื่อต้นทุนปรับขึ้น ผู้ประกอบการก็ปรับขึ้นราคาสินค้า เพื่อให้ครอบคลุมกับต้นทุนที่สูงขึ้น แต่เมื่อต้นทุนการผลิตลดลง กลับไม่ลดราคาสินค้าลงตาม แม้จะมีกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการพ.ศ.2542 แต่ก็ไม่มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง เหมือนเป็นเสือกระดาษที่วัวไม่เคยกลัวเกรงเลย
              นั่นจึงเป็นที่มาของการที่ประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบ!!






              อย่างการกำหนดราคาแนะอาหารปรุงสำเร็จก็เหมือนกัน มีร้านค้ามากมายยังขายเกินราคาอยู่ แต่กรมการค้าภายใน ก็ไม่สามารถจัดการใดๆ ได้ เพราะราคาที่กำหนดเป็นราคาแนะนำให้ผู้ค้าขายตาม ถ้าไม่ขายก็ได้ ไม่เป็นไร ไม่ใช่เป็นราคาบังคับให้ขาย

             แต่สิ่งที่น่าจะทำได้ในการลดต้นทุนให้กับร้านอาหารธงฟ้า อย่างการจัดหาวัตถุดิบปรุงอาหารให้ในราคาถูก ทั้งข้าวสาร เนื้อไก่-หมู ไข่ไก่ น้ำมันพืช น้ำตาลทราย กรมการค้าภายในกลับยังไม่ทำ ทั้งที่ก่อนหลอกล่อให้ร้านค้าเข้าร่วมขายอาหารราคาถูก ก็หว่านล้อมสารพัดว่าจะช่วยจัดหาสิ่งเหล่านี้ให้ อีกทั้ง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ก็ยังยืนยันว่า จะจัดหาให้ได้แน่นอน



              แต่จนถึงวันนี้ ร้านค้าเหล่านี้โอดครวญว่ายังไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ เลย เพราะกรมการค้าภายใน  มักชอบทำงานแบบขอไปที สุกเอาเผากิน และยังหมกปัญหาไว้ใต้พรมอีกต่างหาก พอกระทุ้งถามที จึงค่อยเอากลับมาทำต่อที แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็หายเงียบ ถ้าเจ้ากระทรวงไม่จี้ ก็เฉื่อยแฉะไปเรื่อย
              ดังนั้น จึงอย่าฝันเลยว่า จะสามารถทำให้ราคาอาหารปรุงสำเร็จลดลงได้
              หรือแม้แต่โครงการ 1 ธงฟ้า 1 ชุมชน เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนทั่วประเทศ ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ โดยต้องการให้ภายใน 1 ชุมชน มีร้านธงฟ้าขายสินค้าราคาถูก ทั้งอาหารปรุงสำเร็จ จานละ 25-35 บาท และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ ขายถูกกว่าท้องตลาด 20-40% ตั้งเป้าหมาย 8,000 แห่งทั่วประเทศในเดือนเม.ย.นี้นั้น ก็ยังไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่
              เพราะโครงการร้านธงฟ้า (บลูช็อป) เคยมีมาแล้ว สมัยนางพรทิวา นาคาศัย เป็นรมว.พาณิชย์ โดยการเปิดร้านธงฟ้าในย่านต่างๆ เพื่อขายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก ซึ่งก็เห็นเปิดกันอยู่ไม่กี่ร้าน และไม่กี่เดือนก็ตายเกลี้ยง ตอนนี้ไม่เห็นอีกแล้ว

              แต่นาทีนี้ เชื่อว่า ผู้บริโภคทุกคนคงเอาใจช่วยให้กรมการค้าภายใน ปฏิบัติการลดค่าครองชีพประชาชนได้ให้โดยเร็ว เพราะเงินที่หาได้ทุกวันนี้ ไม่พอกับรายจ่ายแล้ว



                                                                                                   ฟันนี่เอส
                                                                                                 1 มี.ค. 55

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

มือปราบมาเฟียหมู










              วันนี้ ขอปรบมือดังๆ ให้กับแนวทางของ นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่ประกาศจะจัดการกับมาเฟียหมู และพ่อค้าหมูคนกลาง ที่ทำธุรกิจเอาเปรียบประชาชน และเกษตรกรมาอย่างยาวนาน และสถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่มีใครเข้ามาจัดระเบียบการทำธุรกิจ

             พ่อค้าคนกลางเหล่านี้จะมีทั้งที่รับซื้อหมูเป็นจากเกษตรกรผู้เลี้ยงมาชำแหละเอง และรับซื้อจากโรงชำแหละมาขายต่อให้พ่อค้าหน้าเขียง แต่ราคาที่ขายให้นั้นกลับสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น และมีกำไรสูงเกินควร

              ส่งผลให้ราคาเนื้อหมูหน้าเขียงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแทบไม่มีการลดราคาลงเลย ทั้งที่ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลดลงแล้ว

              อย่างในปัจจุบัน ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลดลงเหลือกก.ละ 50 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นราคาขายที่เกษตรกรยังขาดทุนอยู่ จากก่อนหน้านี้เกือบกก.ละ 70 บาท โดยราคาหมูเป็นในระดับนี้ ราคาหมูเนื้อแดงควรจะไม่เกินกก.ละ 100 บาท แต่จากการสำรวจตามตลาดสดทั่วไป ยังอยู่ที่กก.ละ 125-130 บาท เท่ากับเมื่อตอนที่ราคาหมูเป็นเกือบกก.ละ 70 บาท

 ส่วนราคาในขายในห้างค้าปลีก และห้างสรรพสินค้าไม่ต้องพูดถึง แพงกว่าตลาดสดอีกหลายบาท เพราะอ้างว่าเป็นหมูคัดพิเศษ คุณภาพยอดเยี่ยม






             เจ้าของเขียงหมูหลายราย ให้คำตอบตรงกันว่า ที่ยังขายเนื้อหมูแพง เพราะพ่อค้าหมูคนกลางรายใหญ่บางราย เช่น ที่ตลาดสุชาติ ย่านรังสิต และตลาดไท ขายต่อให้ในราคาแพงนั่นเอง จึงไม่สามารถลดราคาขายให้สอดคล้องกับราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มที่ลดลงได้ เพราะเขียงหมู ยังมีต้นทุนด้านอื่นๆ อีกที่จะต้องรับผิดชอบอีก






              ดังนั้น กรมการค้าภายใน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลปัญหาปากท้องประชาชน จึงเร่งรวบรวมรายชื่อพ่อค้าคนกลางหมูทั่วประเทศ แล้วขึ้นบัญชีไว้ เพื่อให้รู้ว่ามีกี่ราย เป็นใครบ้าง ขายต่อไปให้เขียงหมูที่ไหนบ้าง คาดว่า ในสัปดาห์หน้าน่าจะขึ้นบัญชีได้แล้วเสร็จ

             จากนั้นจะเชิญมาหารือ เพื่อขอความร่วมมือให้ขายส่งในราคาที่เป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้า และสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่สอดคล้องกับต้นทุนที่ลดลง

 ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือ จะใช้กฎหมาย 2 ฉบับในการแก้ปัญหานี้ คือ พ.ร.บ.ราคาสินค้าและบริการพ.ศ.2542 ว่าด้วยการจงใจทำให้ราคาสินค้าปั่นป่วน และสูงเกินจริง มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

              และ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้าพ.ศ.2542 ว่าด้วยการร่วมกันกำหนดราคา (ฮั้ว) มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในกรณีที่กระทำความผิดซ้ำต้องระวางโทษเป็นทวีคูณ

             ”ฟันนี่เอส” และผู้บริโภคทั่วประเทศ ขอเอาใจช่วยให้กรมการค้าภายใน ทำงานนี้ให้สำเร็จ และ “ดัดสันดาน” มาเฟียหมูให้ได้ เพราะไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน ที่เราต้องถูกกลุ่มคนเหล่านี้เอาเปรียบ กอบโกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าอย่างมันมือ และคงตกทอดการทำธุรกิจลักษณะเช่นนี้ไปถึงลูกถึงหลาน

              งานนี้ถ้าทำสำเร็จน่าจะเป็นผลงานชิ้นโบแดง เพราะที่ผ่านๆ มา กรมการค้าภายใน มีแต่ผลงานชิ้นโบดำเท่านั้น           





                                                                        ฟันนี่เอส

                                                         23 ก.พ. 55

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ความพยายามที่ไร้ค่า

                                         




            วันนี้ขอเขียนถึงอาหารปรุงสำเร็จอีกสักครั้ง เพราะกระทรวงพาณิชย์กำลังพยายามอย่างหนักที่จะทำให้ราคาอาหารปรุงสำเร็จ อาหารจานด่วน หรือข้าวราดแกงลดลง หลังจากที่ประชาชนต้องทนกินข้าวแกงราคาแพงมานานโดยไม่ได้รับการเหลียวแล
            แต่ดูเหมือนว่า ความพยายามดังกล่าวยังไม่เป็นผลสำเร็จ โดยเฉพาะรถเข็นธงฟ้าราคาถูก ที่นำร่องขายที่โรงอาหารสวัสดิการกระทรวง 2 แห่ง ตั้งแต่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยข้าวราดแกง 1 อย่าง จานละ 15 บาท ถ้า 2 อย่าง จานละ 20 บาท
            เพราะได้รับการตอบรับจากข้าราชการ และประชาชนไม่ดีนัก เนื่องจากไม่มีการอุ่นอาหารให้ร้อนเหมือนร้านอื่น ทำให้อาหารเย็นชืด ไม่น่ารับประทาน แม้จะมีราคาถูก แต่ราคาอาหารในโรงอาหารสวัสดิการก็อยู่ที่จานละ 25-30 อยู่แล้ว ทำให้ผู้ซื้อเลือกซื้ออาหารร้านอื่นแทน
            จากการสอบถามผู้ขายรถเข็นธงฟ้า ระบุว่า ขายที่กระทรวงพาณิชย์ไม่ดีนัก เพราะลูกค้ามีจำนวนจำกัด ไม่รู้ว่าจะเลิกขายเมื่อไร
            หากเป็นเช่นนี้ เดาได้ไม่ยากว่า ความต้องการของกรมการค้าภายใน ที่จะกระจายรถเข็นธงฟ้าออกไปให้มากจุดขึ้น หากโครงการนำร่องที่กระทรวงประสบความสำเร็จ คงเป็นไปได้ยากเต็มที่!!




            ขณะที่รถเข็นธงฟ้าเดิมที่ขายกันอยู่ก่อนแล้ว ก็แทบไม่เห็น ไม่รู้หลบขายหลืบไหน มุมใดของกรุงเทพฯกันแน่ ผู้ซื้อทั่วไปหาซื้อไม่ได้ มีเพียงประชาชนใกล้เคียงเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ ทำให้ผู้ขายทยอยเลิกขาย โครงการนี้จึงไม่สำเร็จตามเป้าหมาย ทั้งที่น่าจะสำเร็จได้ ถ้าเพิ่มจุดขาย และประชาชนหาซื้อได้ง่ายขึ้น









            ส่วนความพยายามที่จะออกราคาแนะนำขายอาหารจานด่วน ก็ต้องเลื่อนออกไปเป็น 20 ก.พ.นี้ จากเดิมคาด 9 ก.พ. ที่ผ่านมา และกำหนดขายเพียง 10 เมนูยอดฮิตเท่านั้น ได้แก่ ข้าวไข่เจียว ข้าวราดแกง ข้าวไข่พะโล้ ข้าวขาหมู ข้าวกระเพราไก่-หมู ข้าวผัดหมู-ไก่ ก๋วยเตี๋ยวหมู-ไก่-ลูกชิ้นปลา ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ้ว และขนมจีนน้ำยา-แกงไก่ เมนูละ 25-30 บาทแล้วแต่สถานที่
             ที่สำคัญ ราคาแนะนำนี้ ไม่ได้เป็นราคาบังคับ ผู้ค้าไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามก็ได้ ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวก็น่าจะรู้ว่า ราคาแนะนำนี้ ไม่น่าจะเวิร์กอีกเช่นกัน
             นอกจากนี้ ยังมีความพยายามสร้างเครือข่ายร้านมิตรธงฟ้า ขายไม่เกิน 25-30 บาท โดยเริ่มจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศ 500 แห่งเมื่อ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา และใน 1-2 เดือนหน้าจะเพิ่มเป็น 5,000 แห่งทั่วประเทศ
             ทั้งที่ปัจจุบันมีอยู่แล้วทั่วประเทศ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แถมบางร้านยังขายแพงกว่ากำหนด เพราะแทบไม่เคยได้รับการสนับสนุนวัตถุดิบราคาถูก เหมือนอย่างที่กรมการค้าภายในบอกไว้ก่อนเข้าร่วมโครงการเลย
            ฟันนี่เอสมองว่า ทุกโครงการที่พยายามทำ ล้วนแต่เป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งนั้น แต่ขอร้องให้ทำอย่างเต็มที่ เมื่อเห็นจุดบกพร่องก็แก้ไข ไม่ใช่หลับหูหลับตาเดินหน้าต่อ ที่สำคัญต้องรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับผู้บังคับบัญชาได้รับทราบ ไม่ใช่ปกปิดไว้ จะได้ช่วยกันแก้ไขให้ลุล่วง
           เพราะหากขืนดันทุรังทำต่อไปทั้งที่ปัญหายังไม่สะสาง ก็ไม่ต่างอะไรกับการเดินลุยไฟ ซึ่งมีแต่ตายกับตายอย่างเดียว และทำให้ความพยายามทั้งหมดทั้งมวลกลายเป็น...ความพยายามที่ไร้ค่าอย่างสิ้นเชิง


                                                                         ฟันนี่เอส
                                                        16 ก.พ.55

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

คุมราคาอาหารปรุงสำเร็จ

                                                             

 

 


            ความกังวลของคนไทยนาทีนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของปากท้อง เพราะค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ทั้งจากราคาพลังงาน หลังจากรัฐบาลกลับมาเก็บเงินผู้ใช้น้ำมัน เพื่อนำส่งเข้ากองทุนน้ำมัน แล้วยังจะมาจากราคาสินค้า โดยเฉพาะราคาอาหารปรุงสำเร็จ ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่าน
             ความกังวลนี้เอง ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น และมีส่วนทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ขยายตัวเท่าที่ควร เพราะไม่เกิดการบริโภคภาคประชาชน ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังง่อนแง่น
            การแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ถือเป็นภารกิจเร่งด่วนของกระทรวงพาณิชย์ แต่ในช่วง 6 เดือนแรกของการบริหารงานของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ 1”  กระทรวงพาณิชย์มีเจ้ากระทรวง ควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาของประเทศในภาพรวมมากกว่า
            จึงทำให้การขับเคลื่อนนโยบายนี้ไม่เข้าเป้า การแก้ปัญหาปากท้องจึงยังไม่ได้รับการแก้ไขให้บรรเทาเบาบางลง


            ราคาอาหารปรุงสำเร็จ ยังแพงเหมือนในช่วงน้ำท่วม อย่างข้าวกระเพราหมูไข่ดาว ยังมีราคาสูงถึงจานละ 40-45 บาท บางแห่ง 50-60 บาท แล้วแต่ทำเลที่ตั้งร้านค้า จากช่วงก่อนน้ำท่วม ร้านอาหารริมทางขายยังไงก็ไม่เกินจานละ 30-35 บาท ทั้งที่ในช่วงนี้ สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ราคาวัตถุดิบปรุงอาหารก็ลดลงแล้ว ทั้งเนื้อหมู-ไก่ ไข่ไก่ ผักสด น้ำมันพืช ฯลฯ


                    แต่ผู้ค้ากลับไม่ลดราคาลงตาม ถือเป็นการเอาเปรียบประชาชนอย่างน่าเกลียดที่สุด!!


               ร้อนถึงกรมการค้าภายใน ต้องเร่งออกประกาศราคาแนะนำอาหารปรุงสำเร็จ คาดจะมีผลบังคับใช้วันที่ 9 ก.พ.นี้ หรืออย่างช้าภายในสัปดาห์นี้ โดยแยกเป็นร้านอาหารมิตรธงฟ้าไม่เกินจานละ 25-30 บาท ร้านอาหารริมทางทั่วไปไม่เกิน 30 บาท และร้านในศูนย์อาหารตามห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้า และในสำนักงานไม่เกิน 35 บาท




             แม้พ่อค้าแม่ค้าต่อต้าน โดยอ้างต้นทุนต่างๆ สูงขึ้นมาก จะให้ขายตามราคาที่กำหนดไม่ได้แน่นอน แต่กรมการค้าภายใน ย้ำให้เห็นชัดๆ ว่า ราคานี้ทำตามได้แน่ เพราะก่อนการกำหนดราคา ได้สำรวจต้นทุนการผลิตอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว
            โดยร้านขายอาหารทั่วไป อาหารปรุงสำเร็จ 1 จาน จะมีต้นทุนจากวัตถุดิบปรุงอาหาร (ข้าว เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ผัก น้ำมันพืช เครื่องปรุงรส) ค่าแรงงาน ค่าเช่าพื้นที่ ค่าเชื้อเพลิง และอื่นๆ อย่างข้าวไข่เจียว มีต้นทุนจานละ 13.07 บาท หากขาย 20 บาท จะมีกำไร 6.93 บาท
            ข้าวกระเพราหมู ต้นทุนจานละ 20.53 บาท ขาย 25 บาท กำไร 4.47 บาท ข้าวกระเพราหมูไข่ดาว ต้นทุนจานละ 25.53 บาท ขาย 30 บาท กำไร 4.47 บาท ข้าวไข่พะโล ต้นทุนจานละ 20.04 บาท ขาย 25 บาท กำไร 4.96 บาท ก๋วยเตี๋ยว ต้นทุนชามละ 20.65 บาท ขาย 25 บาท กำไร 4.35 บาท เป็นต้น



            อย่างไรก็ตาม กรมการค้าภายใน จะให้เวลาผู้ค้าปรับตัว 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้สต๊อกสินค้าเก่าหมดลงเสียก่อน แล้วจึงขายตามราคาแนะนำที่กำหนด
             ฟันนี่เอสมองว่า เรื่องนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคมาก หากสามารถทำให้ผู้ค้าขายได้ตามราคาแนะนำ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า จะมีผู้ค้ากี่ราย ที่จะยอมให้ความร่วมมือ และกรมการค้าภายในจะมีมาตรการจัดการอย่างไรกับผู้ค้าที่เพิกเฉย


                                                                                                                          ฟันนี่เอส

                                                                                          9 ก.พ.55