วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2558

คุมเข้มธุรกิจทุนสูงผิดปกติ





           ตอนนี้ ธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลด้วยทุนจดทะเบียนสูงมากๆ คงจะร้อนๆ หนาวๆ ไปตามๆ กัน เพราะขณะนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ อยู่ระหว่างการตรวจสอบทางบัญชีของนิติบุคคลเหล่านั้นอยู่
         โดยจะดูว่า จดทะเบียนด้วยทุนสูงมากผิดปกตินั้น มีเงินทุนเข้ามาในกิจการจริงหรือไม่ มีความตั้งใจทำธุรกิจจริงหรือไม่ หรือตั้งใจตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อหลอกลวงประชาชน


           ล่าสุด ได้ตรวจสอบทางบัญชีของนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียน 10,000 ล้านบาทขึ้นไปแล้ว ประมาณ 80 ราย และพบความผิดปกติใน 30 ราย เพราะภายหลังการจดทะเบียนนิติบุคคลมานานแล้ว แต่ไม่มีการชำระทุนจดทะเบียน ไม่แสดงบัญชีต่อกรมฯ เมื่อติดต่อสอบถามไปก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ
            นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 5,000-9,999 ล้านบาท ประมาณ 120 รายด้วย ซึ่งหากพบความผิดปกติ กรมฯจะขึ้นข้อความเตือนในหนังสือรับรองของบริษัทเหล่านั้นว่า นิติบุคคลนี้ไม่ได้จัดส่งเอกสารหลักฐานที่น่าเชื่อถือ และสามารถยืนยันได้ว่ามีการชำระค่าลงทุนตามที่ขอจดทะเบียนจริง


เพื่อให้ประชาชน หรือนักธุรกิจ ที่ต้องการทำธุรกรรมด้วย ได้รับทราบ และเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้น อาจถูกหลอกลวง และได้รับความเสียหายได้
ที่สำคัญ กรมฯจะติดตามข้อมูลทางบัญชีของบริษัทเหล่านี้อย่างใกล้ชิดในปีต่อๆ ไป หากพบข้อมูลทางบัญชีบกพร่อง หรือมีการกระทำผิดกฎหมาย  จะมีโทษทั้งจำคุก และปรับ 
 อีกทั้งยังจะจัดส่งรายชื่อธุรกิจที่กระทำผิดกฎหมายไปยังกรมสรรพากร สภาวิชาชีพ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.)  เพื่อให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป



สาเหตุที่กรมฯต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เป็นเพราะปัจจุบัน มีข่าวไม่ดีกับการดำเนินธุรกิจของนิติบุคคล      ที่อาจส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจ หรือสร้างความเคลือบแคลงสงสัยในสังคม เช่น แชร์ลูกโซ่
 จึงถือเป็นภารกิจสำคัญที่จะต้องตรวจสอบ โดยใช้อำนาจตามกฎหมาย เพื่อสร้างความโปร่งใสในการทำธุรกิจ และกำกับธรรมาภิบาลของภาคธุรกิจ ให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยเฉพาะในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศ
ในปีนี้ กำหนดเป้าหมายการตรวจสอบทางบัญชีของภาคธุรกิจกว่า 300,000 ราย ทั่วประเทศ เพื่อให้มีการจัดทำบัญชี และงบการเงินตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน และตามความเป็นจริง
           อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.58 เป็นต้นมา กรมฯได้เพิ่มความเข้มงวดรับจดทะเบียนจัดตั้ง และเพิ่มทุนของห้างหุ้นส่วน และบริษัทให้มากขึ้น โดยให้มีการส่งเอกสารประกอบการจดทะเบียนที่น่าเชื่อถือ และสามารถยืนยันได้ว่ามีการชำระเงินลงทุนตามที่ขอจดทะเบียนจัดตั้ง หรือจดทะเบียนเพิ่มทุน
โดยให้เริ่มบังคับใช้กับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีทุนจดทะเบียนเกินกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไปก่อน ซึ่งจะมีผลต่อผู้ยื่นจดทะเบียนตั้งใหม่ประมาณ 2,500 รายต่อปี จากยอดจดทะเบียนตั้งใหม่ 60,000  65,000 รายต่อปี
การคุมเข้มแบบนี้ แก๊งค์ต้มตุ๋น ที่ต้องการตั้งบริษัทเพื่อหลอกลวงประชาชน คงจะทำยากขึ้น และน่าจะสร้างธรรมาภิบาล ความโปร่งใสในภาคธุรกิจของไทยได้มากขึ้นด้วย!

                                                                      ฟันนี่เอส

                                                                                      5 มี.ค.58