วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บทเรียนจากฮ.ตก











                                               

            “ฟันนี่เอส” ต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับญาติของผู้เสียชีวิตทุกคน ในเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกซ้ำถึง 3 ลำในช่วงเวลาห่างกันเพียงไม่กี่วันเท่านั้น

            ถือเป็นข่าวสะเทือนขวัญของกำลังพลทุกคนในกองทัพ และประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นในคราวเดียวกัน ในภารกิจเดียวกัน

            เหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่มีใครโทษ หรือโยนความผิดให้กับผู้ที่เสียชีวิต โดยเฉพาะนักบิน แต่กลับถือว่า บุคคลเหล่านี้มีคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะกล้าเสี่ยงชีวิตของตนเอง การขึ้นไปนั่งเฮลิคอปเตอร์ ที่ล้ำสมัยเหมือนกับทั้ง 3 ลำนั้นถือเป็นผู้เสียสละมากอยู่แล้ว






 
            และจากเหตุการณ์ครั้งนี้อีกเหมือนกัน ที่ทำให้คนทั่วโลกได้รู้ได้เห็นถึงแสนยานุภาพทางทหารของไทยว่าเป็นอย่างไร ขนาดฮ.ที่คุยฟุ้งว่าสมัยใหม่สุดยังมีอายุการใช้งานมานานเกือบ 20 ปีแล้ว

            ทำให้ใครๆ คิดไปได้อีกว่า งบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้กระทรวงกลาโหมปีละกว่าแสนล้านบาท โดยกองทัพบก ได้รับจัดสรรมากที่สุดกว่า 80,000 ล้านบาท รองลงมาเป็นกองทัพเรือ กว่า 30,000 ล้านบาทใกล้เคียงกับกองทัพอากาศนั้น เอาไปทำอะไรกันหมด

            มีการนำไปซื้ออาวุธ เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ ฯลฯ เพื่อเพิ่มแสนยานุภาพให้กองทัพไทยบ้างหรือไม่ กองเรือดำน้ำ ที่แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านเขามีกันแล้ว ประเทศไทยคิดจะมีบ้างมั้ย

    หรือหากจะตั้งงบประมาณไปซื้อจริง และกว่าจะได้ของมาไว้ใช้งานจริง ก็ต้องลดสเปกต์กันจนแทบไม่เหลืออะไรดี เอาแค่พอใช้งานได้เท่านั้น เพราะอย่างที่รู้ ประเทศไทย ไม่ว่าจะวงการใด ยุคใดสมัยใด การคอรัปชั่นแทรกซึมเข้าไปถึงหมด

  ที่พูดจะมาซะยาวเหยียดแบบนี้ก็ไม่ใช่เพื่อตำหนิใคร หรือรื้อฝอยหาตะเข็บว่าใครโกงกินกันบ้างแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการให้ทุกวงการตระหนักรู้ถึงพิษภัยของการคอรัปชั่น และเลิกโกงกินกันได้แล้ว
       เพราะภัยจากคอรัปชั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยพัฒนาไปไม่ถึงไหน!!

   ไม่ต้องอื่นไกล ดูอย่างจีน หรือแม้แต่เกาหลีใต้ ที่สมัยหนึ่งก็มีคอรัปชั่นเหมือนกัน แต่ทุกวันนี้ รัฐบาลเอาจริง ถ้ารู้ว่าใครทุจริตคอรัปชั่นจะเล่นงานหนักถึงจับเข้าคุก หรือประหารชีวิตกันเลย ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้ไม่มีใครกล้าทำผิดอีก และต่างคนต่างก็มุ่งหน้าสร้างความเจริญให้ประเทศชาติ จนก้าวหน้ามาจนทุกวันนี้

  ต่างจากประเทศไทย ที่เป้าหมายของนักการเมืองส่วนใหญ่ ไม่ใช่เพื่อเข้ามาสร้างความเจริญให้ประเทศชาติ แต่กลับเข้ามากอบโกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองอย่างไร้ยางอายที่สุด        







 
         ตอนนี้ก็ต้องฝากความหวังไว้กับรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะให้ความสำคัญกับการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นเพียงใด และจะมีความจริงใจขนาดไหนในการขจัดปัญหานี้ เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วยังจะปล่อยให้พรรคพวกเข้ามาร่วมรุมกินโต๊ะ และปู้ยี่ปู้ยำประเทศไทยอยู่ต่อไปอีกหรือไม่

         ได้โปรดอย่าเปิดเวทีให้ภาคเอกชนลุยปราบคอรัปชั่นเพียงฝ่ายเดียว ภาครัฐต้องเข้ามาร่วมเล่นบทบาทนี้ไปด้วยกัน เพื่อให้ประเทศไทยในอนาคต...ปราศจากคอรัปชั่นอย่างแท้จริง และสิ้นเชิง

                                                              
                                                              ฟันนี่เอส

                                                                   28กค54

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ดีแทค : ศักดิ์ศรีข้าราชการไทย






                                               

            ลุ้นกันมาหลายวันจะออกหัวหรือก้อย ในที่สุด นาย บรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก็ตัดสินใจขัดคำสั่งนาย อลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์

            ด้วยการไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน (เจ้าหน้าที่ตำรวจ) ฟันดีแทค และนิติบุคคลที่ถือหุ้นไขว้กันไปมาในดีแทคอีก 7 ชั้นเป็นบริษัทต่างด้าว รวมถึงบุคคล และนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องฐานถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) และสมรู้ร่วมคิดทำธุรกิจกับคนต่างด้าว

แต่ได้ส่งผลสรุปการตรวจสอบสถานะดีแทค ของคณะทำงานตรวจสอบโครงสร้างการถือหุ้น ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 ก.ค.54 เพื่อให้สืบสวนสอบสวนต่อไป

หากพบว่าดีแทค นิติบุคคล และบุคคลที่เกี่ยวข้อง มีความผิดตามพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวพ.ศ.2542 จริง กรมฯก็พร้อมร้องทุกข์กล่าวโทษ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป





สาเหตุที่ต้องขัดคำสั่ง เพราะยังไม่มีเอกสารหลักฐานยืนยันชัดเจน 100% ว่าดีแทคเป็นคนต่างด้าว มีเพียงข้อสงสัยเท่านั้นว่าอาจเป็น ซึ่งการฟ้องร้องคดีอาญาร้ายแรง จะใช้เพียงความรู้สึกว่า ใช่  เหมือนอย่างที่ นาย สัญญา สถิรบุตร ที่ปรึกษารมช.พาณิชย์ รู้สึก  ไม่ได้ ต้องมีหลักฐานมัดแน่นด้วย เพื่อป้องกันการถูกฟ้องกลับ

ที่สำคัญ รมช.อลงกรณ์ ไม่มีอำนาจตามพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่จะก้าวล่วงอำนาจหน้าที่ และการใช้ดุลยพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อเบี่ยงเบนผลการวินิจฉัย

นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบโครงสร้างการถือหุ้นดีแทคของนายสัญญา ไม่อาจรับฟังได้ เพราะนายสัญญา ไม่ได้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ดังนั้น จึงไม่สามารถตรวจสอบใดๆ ได้





ฟันนี่เอส ยอมรับว่า การกระทำของอธิบดีบรรยงค์กล้าหาญมาก เพราะกล้าท้าทายอำนาจของฝ่ายการเมือง ที่ข้าราชการน้อยคนนักจะทำได้ ทำเอานักการเมืองหน้าแตกไปตามๆ กัน แม้จะอ้างสวยหรูว่า การสั่งให้ส่งฟ้องดีแทคก็เพื่อทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ แต่เบื้องหลังกลับมี วาระซ่อนเร้น  ที่ใครๆ ก็รู้

            การกระทำเช่นนี้ สามารถเรียกขวัญ และกำลังใจของข้าราชการกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้มากโข เพราะทำให้ข้าราชการไทยกลับมามีเกียรติยศ และศักดิ์ศรีอย่างสง่างามอีกครั้ง

            แต่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า อย่ามัวหลงภาคภูมิใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะยังมีกรณีแบบเดียวกันนี้อีกมากมาย ที่รอการเรียกร้องให้พิสูจน์ความจริง!!

รวมถึงต้องปฏิวัติกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวใหม่ เพื่ออุดช่องโหว่มากมาย ให้คนที่คิดจะทำธุรกิจเอาเปรียบคนไทย และตักตวงประโยชน์จากทรัพยากรของชาติ ต้องถึงทางตัน และทำธุรกิจอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา

 ได้โปรดอย่านิ่งเฉย ปล่อยให้คนต่างชาติกอบโกยผลประโยชน์ ที่ควรจะเป็นของคนไทยอีกเลย


ฟันนี่เอส

21 ก.ค.54

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

แก๊งค์ปั่นราคาข้าวคืนชีพ

 
 
 
 
                
            มีข้อสงสัยจากหลายฝ่ายว่า การที่ราคาข้าวเปลือกในประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ หรือจากตันละ 9,000 บาทมาแตะที่กว่า 10,000 บาท มีเหตุและปัจจัยใดกันแน่
 
หากจะบอกว่า มาจากนโยบายการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่กำลังจะหมดวาระลงเร็วๆ นี้ก็ไม่น่าจะใช่
 
เพราะตลอดช่วงการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ ไม่เคยทำให้ราคาข้าวไทยปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลาอันสั้นได้เลย เนื่องจากราคาประกันข้าวที่กำหนดขึ้น ไม่ใช่เป็นราคานำตลาด ที่จะสามารถดึงราคาข้าวในประเทศให้สูงขึ้นตามได้
 
เท่าที่ทราบ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความต้องการซื้อจากต่างประเทศมีเข้ามามาก จากปัญหาภัยพิบัติทั่วโลก ที่ทำให้สต๊อกข้าวโลกลดลงมาก จนทำให้ผู้ส่งออกต้องไล่ซื้อจากชาวนา เพื่อส่งออกให้ได้ตามคำสั่งซื้อ จึงดันให้ราคาในประเทศสูงขึ้น
 
แต่สาเหตุจริงๆ ที่ทำให้ราคาข้าวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมาตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา มาจากการแข่งขันกันกว้านซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาของกลุ่มพ่อค้าคนกลาง ผู้ประกอบการโรงสี รวมถึงผู้ส่งออก
 




            เพื่อหวังขายทำกำไร ในช่วงที่รัฐบาลใหม่ นำโดยพรรคเพื่อไทย ประกาศใช้นโยบายรับจำนำข้าว โดยตั้งราคารับประกันข้าวเปลือกสูงถึงตันละ 15,000-20,000 บาท ซึ่งจะดึงให้ราคาข้าวเปลือกในประเทศสูงขึ้นตามโดยอัตโนมัติ
 
            ผลที่ตามมาคือ กลุ่มพ่อค้าเหล่านี้จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ อย่างข้าวเปลือกเจ้าอย่างน้อยต้องเห็นกำไรตันละไม่ต่ำกว่า 6,000 บาท เพราะตอนที่ซื้อมาราคาอยู่ที่ตันละแค่ 9,000 บาทเท่านั้น
 
             แต่น่าเศร้าใจที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยเฉพาะข้าวนาปรัง ไม่ได้ร่วมรับประโยชน์ด้วยเลย เพราะเก็บเกี่ยวขายไปหมดแล้ว ไม่เหลือเก็บไว้เก็งกำไรเลย เพราะไม่มีสถานที่เก็บ
 
สำหรับ ฟันนี่เอส แล้ว การที่ราคาข้าวสูงขึ้น ถือเป็นการดี เพราะทำให้ผู้ปลูกข้าว มีรายได้มากขึ้น และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ผลพวงที่จะตามมาคือ ผู้บริโภคต้องบริโภคข้าวแพงตามไปด้วย โดยกลุ่มผู้ประกอบการข้าวสารบรรจุถุง เตรียมจะขอปรับขึ้นราคาขายในเร็วๆ นี้
 
แต่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ยืนยันแล้วว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะขึ้นราคาข้าวถุง เพราะจะซ้ำเติมประชาชนเกินไป อีกทั้ง การที่ราคาข้าวเปลือกสูงขึ้นเป็นสิ่งผิดปกติ เพราะเกิดจากการกว้านซื้อปั่นราคาเก็งกำไร จึงไม่ใช่เหตุผลที่จะขอขึ้นราคา
 




คงต้องฝากความหวังไว้ที่รัฐบาลใหม่ จะบริหารจัดการข้าวในประเทศอย่างไร เพื่อให้ทั้งเกษตรกร และผู้บริโภควินวิน โดยที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ต้องแบกรับภาระให้อีกฝ่ายหนึ่ง
 
ที่สำคัญ เมื่อใช้นโยบายรับจำนำข้าวแล้ว ต้องไม่ให้เหลือบขบวนการทุจริตจำนำข้าวฟื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นตัวถ่วงความเจริญประเทศชาติได้อีก
 
 
 
 
                                                                ฟันนี่เอส
                                                               14 ก.ค. 54      
      

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เงื่อนงำสาวไส้ดีแทค








 
  

            การตรวจสอบโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ว่าเข้าข่ายเป็นบริษัทต่างด้าว และมีคนไทยถือหุ้นแทน (นอมินี) หรือไม่ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์น่าจบลงแล้วตั้งแต่วันที่นาย ยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวผลสรุปของคณะทำงานตรวจสอบโครงการผู้ถือหุ้นดีแทค

            โดยผลสรุประบุ ไม่สามารถฟันธงได้ว่า ดีแทคเป็นต่างด้าวหรือไม่ เพียงแค่ชี้มูลว่า เข้าข่าย เพราะบริษัทที่ถือหุ้นในดีแทคไขว้กันไปมาทุกลำดับชั้นเป็นต่างด้าว จึงทำให้ดีแทคกลายเป็นต่างด้าวด้วย และจะส่งไม้ต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบเชิงลึกต่อไป

            แต่ปรากฏว่า ข้อสรุปดังกล่าวไม่ถูกใจนาย อลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์อย่างแรง และสั่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระงับการส่งข้อสรุปไปให้ตำรวจทันที พร้อมมอบหมายให้นาย สัญญา สถิรบุตร ประธานที่ปรึกษารมช.พาณิชย์ ตรวจสอบข้อสรุปดังกล่าวซ้ำอีกครั้ง เสร็จแล้วให้เสนอตนฟันธงว่าเป็นต่างด้าวหรือไม่






 
            รมช.อลงกรณ์ อ้างว่า ไม่ใช่ไม่เชื่อใจการทำงานของคณะทำงานฯ แต่เพราะต้องการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผู้ถือกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวพ.ศ.2542 ได้ใช้อำนาจที่แท้จริง ฟันธงว่าดีแทคผิดหรือไม่

            ไม่ใช่ตีกรรเชียงไปเรื่อยเปื่อย ไม่กล้าฟังธง ทั้งที่มีข้อมูลชัดเจน!!

            และยังยืนยันว่า ไม่ได้เชือดไก่ให้ลิงดู แต่เป็นการส่งสัญญาไปยังทุกบริษัทในไทย ที่มีคนต่างชาติถือหุ้น ว่าจะต้องทำให้ถูกกฎหมายไทย อย่าทำธุรกิจเอาเปรียบคนไทย ที่ไม่พร้อมในการแข่งขันทั้งด้านเงินทุน และเทคโนโลยี

             ถ้ามองตามเนื้อผ้า คงต้องปรบมือดังๆ ให้ รมช.อลงกรณ์ ที่กล้าจะเอาคนผิดมาลงโทษ แต่ในความเป็นจริง ต้องถามกลับว่า สมควรหรือไม่ ที่ฝ่ายการเมืองจะเข้ามายุ่งเกี่ยว หรือมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ โดยยัดเยียดนายสัญญา คนของตัวเองเข้ามาตรวจสอบซ้ำ

ทั้งๆ ที่คณะทำงานฯได้ทำเสร็จไปแล้ว และคณะทำงานฯไม่ได้มีเพียงเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แต่ยังมีจากอีก 4 หน่วยงานที่เชื่อถือได้ ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และกรมสรรพากร

ทำให้คิดไปอีกว่า แท้จริงแล้วมีอะไรอยู่เบื้องหลัง และรมช.อลงกรณ์ มีอำนาจตามกฎหมายหรือไม่ที่จะฟันธงว่าดีแทคผิด เพราะคนมีอำนาจฟันธงแท้จริงคือศาลเท่านั้น

และหากอ้างว่า จะทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ถามหน่อยว่า ทำไมเพิ่งคิดทำเอาวันที่กำลังจะเป็นฝ่ายค้าน ก่อนหน้านี้มัวทำอะไรอยู่ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า บริษัทใดในไทยเป็นต่างด้าว และมีนอมินี โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง, โลจิสติกส์

 รบกวนตอบดังๆ ให้คนไทยฟังกันชัดๆ หน่อยเถอะน่า

                                               ฟันนี่เอส


                                                7 ก.ค.54