วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557

พิษสงแขก!


                                                      




                  เห็นข่าวนี้แล้วถึงกับอึ้ง! อินเดียขอทบทวนความตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ทำกับประเทศต่างๆ รวมถึงกับไทย หลังพบว่า ขาดดุลประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และยังมีการนำเข้าทองคำเพิ่มขึ้นมาก

                 ภายใต้เอฟทีเอไทย-อินเดีย กำหนดให้อินเดียต้องลดภาษีนำเข้าทองคำจากไทยเหลือเพียง 1.01% จากอัตราปกติที่ประเทศอื่นๆ เสียกันที่ 15% ประกอบกับ ทองคำรูปพรรณของไทยมีคุณภาพดี มีเนื้อทองคำบริสุทธิ์สูงถึง 96.5% และชาวอินเดีย นิยมซื้อทองคำมากกว่าฝากเงินในธนาคาร

     ส่งผลให้นำเข้าทองคำจากไทยเพิ่มขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 55 นำเข้าเครื่องประดับทองคำมีมูลค่าสูงถึง 123.95 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และทองรูปพรรณ 52.73 ล้านเหรียญฯ

     รัฐบาลอินเดียถึงกับต้องหามาตรการป้องกัน ที่ไม่เป็นธรรมกับไทย โดยระงับการนำเข้าทองคำจากไทยตั้งแต่เดือนก.พ.56 อ้างว่าหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าของไทยไม่ชัดเจน และอินเดียมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดจากไทย

     เพราะการที่สินค้าไทยเสียภาษีนำเข้าในอัตราต่ำมาก ทำให้อินเดียอ้างได้ว่า อาจเป็นช่องทางให้ผู้ส่งออกทองคำจากประเทศอื่นอ้างการส่งออกจากไทย เพื่อให้ได้ใช้สิทธิประโยชน์เสียภาษีนำเข้าในอัตราเดียวกับไทยได้

     ซึ่งตามปกติทองคำ ที่จะขอรับสิทธิประโยชน์ได้ต้องมีการผลิต หรือสร้างมูลค่าเพิ่มในไทย 20ของมูลค่าสินค้า แต่อินเดียได้กักสินค้าไทยไว้ที่ด่าน และเรียกเก็บภาษีนำเข้า 15โดยไม่ได้หารือไทยเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งที่ภายใต้เอฟทีเอ กำหนดให้ต้องหารือกันเพื่อแก้ปัญหา

     นอกจากนี้ อินเดียวยังเล่นนอกกติกา ปรับขึ้นภาษีนำเข้าทองคำจากไทยหน้าตาเฉย ซึ่งที่ผ่านมา ได้ปรับเพิ่มขึ้นหลายครั้งโดยไม่แจ้งให้ทราบจนปัจจุบัน เรียกเก็บภาษีนำเข้าเครื่องประดับทองคำจากไทย 15และสินค้าทองคำ เช่น ทองคำแท่ง เหรียญทอง ทองที่ยังไม่ได้ขึ้นรูป 10%

     ผลจากการเล่นนอกกติกา ทำให้ในปี 56 ไทยส่งออกเครื่องประดับทองคำไปอินเดียมีมูลค่าเพียง 9.37 ล้านเหรียญฯ และ ทองรูปพรรณ 1.48 ล้านเหรียญฯเท่านั้น ซึ่งลดลงจากปี 55 ถึง 90%

     แค่นี้ยังไม่พอ! อินเดีย พยายามจะขอทบทวนความตกลงกับไทยซ้ำอีก โดยต้องการเพิ่มอำนาจของหน่วยข่าวกรองด้านสรรพากรของอินเดีย สังกัดกระทรวงการคลัง ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการลักลอบสินค้าผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด ทองคำ เพชร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ธนบัตรปลอม 

      ให้สามารถระงับการค้าได้โดยอัตโนมัติ หากตรวจพบว่าการใช้ความตกลงผิดวัตถุประสงค์ จากการสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเครื่องประดับทองคำ ที่ส่งผลให้อินเดียขาดดุลการค้ามโหฬาร

     อย่างไรก็ตาม นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้แนะนำผู้ผลิตผู้ส่งออกทองของไทยว่า ควรจะปฏิบัติตามกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าอย่างเคร่งครัด ถ้าคิดจะทำการค้ากับอินเดียต่อไป เพื่อไม่ให้ใช้เป็นข้องอ้าง ทบทวนเอฟทีเอระหว่างกัน เพราะมีการสวมสิทธิ์แหล่งกำเนิดสินค้าทองคำของไทย

      ค้าขายกับแขกก็เป็นอย่างนี้ล่ะ ไร้กฎกติกา ตอนกำลังเจรจาเอฟทีเอกัน ก็หลอกล่อไทยสารพัดจนเกือบจะเสียท่า พอกำหนดกติกาค้าขายกันได้ ก็ยังแหกกฎได้อีก!!





                                                                 ฟันนี่เอส

                                                                         13 ก.พ. 57

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น