วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

PM’s Creative Award

                                                                                               
                               



            
         คุณผู้อ่านเคยรู้จัก ได้ยิน หรือพบเห็นสิ่งเหล่านี้หรือไม่  : ปราสาทสัจธรรม ของนายเล็ก วิริยะพันธุ์  รายการคุณพระช่วย ของบมจ. เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ ศิลปะการแสดงสยามนิรมิต ของบจก. รัชดานิรมิต และโคมไฟไม้ไผ่ตั้งพื้นงานเกลียวกลับไลน์ และโคมไฟโค้งกุหลาบ ของนายกรกต อารมณ์ดี

  สิ่งเหล่านี้คือผลงานสร้างสรรค์จากฝีมือคนไทย ที่ได้รับรางวัลผลงานสร้างสรรรค์ดีเด่น หรือ PM’s Creative Award จากมือนายกรัฐมนตรี โดย “ปราสาทสัจธรรม” ได้รับรางวัลชนะเลิศรางวัล นริศรา นุวัดติวงศ์ สาขางานสร้างสรรค์ตามลักษณะงาน ได้แก่ งานออกแบบแฟชั่น โฆษณา สถาปัตยกรรม ซอฟต์แวร์ 

  “รายการคุณพระช่วย”  ได้รับรางวัลชนะเลิศรางวัล คึกฤทธิ์  ปราโมช  สาขาสื่อ ได้แก่ การพิมพ์และสื่อสิ่งพิมพ์ การกระจายเสียง ภาพยนตร์ วีดิทัศน์และดนตรี “ศิลปะการแสดงสยามนิรมิต” ได้รับรางวัลชนะเลิศรางวัล เฟื้อ หริพิทักษ์ สาขาศิลปะ ได้แก่ ทัศนศิลป์ ศิลปะการแสดง
 



 
 และ “โคมไฟไม้ไผ่ตั้งพื้นงานเกลียวกลับไลน์ และโคมไฟโค้งกุหลาบ” ได้รับรางวัลชนะเลิศรางวัล อังคาร กัลยาณพงศ์ สาขาสืบทอดทางวัฒนธรรม  ได้แก่ งานหัตถกรรม  การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การแพทย์แผนไทย อาหารไทย  นอกจากผู้ชนะเลิศทั้ง 4 แล้ว ยังมีผู้ได้รับรางวัลดีเด่นของแต่ละสาขาอีกด้วย

  รางวัล PM’s Creative Award เป็นกิจกรรมหนึ่งของโครงการต้นแบบของพสกนิกรไทย “ในหลวง” กับการสร้างสรรค์”  ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และโครงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ที่ดำเนินการโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์






 
   เป็นรางวัลเกียรติยศครั้งแรกของประเทศไทย ที่มอบให้แก่องค์กร ผู้ประกอบการ ที่ผลิตสินค้า หรือบริการดีเด่น ที่มีลักษณะพิเศษ โดดเด่น สามารถสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้กับสังคมไทย เป็นผลงานที่แสดงออกถึงความเป็นไทย ส่งเสริมภูมิปัญญาไทย มีการผสมผสานวัฒนธรรม ประเพณี  ภูมิปัญญา รวมทั้งสร้างมูลค่าในเชิงธุรกิจ

  “ฟันนี่เอส” เห็นด้วยกับโครงการนี้ เพราะเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติคนทำงานสร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นไทย ที่สังคมไทยยุคใหม่เกือบจะลืมเลือนขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และภูมิปัญญา อันดีงามของไทยไปแล้ว เพราะคิดว่าเชย ล้าสมัย ไม่อินเทรนด์เหมือนกระแสฟีเวอร์จากต่างแดน
 




 
  นอกจากนี้ ยังสร้างขวัญ และกำลังใจ ให้กับคนทำงานสร้างสรรค์ มีไฟทำงานสร้างสรรค์ต่อไป และหากโครงการนี้ยังมีต่อเนื่องแม้เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ก็จะช่วยจุดประกายให้เกิดนักสร้างสรรค์หน้าใหม่มากขึ้น

  ทำให้คนไทยเป็นนักคิด นักประดิษฐ์ สามารถขายผลงานทรัพย์สินทางปัญญาของตนไปทั่วโลก กอบโกยเงินทองเข้าประเทศจำนวนมาก เหมือนอย่างเกาหลีใต้ ที่ขายวัฒนธรรม เพลง ภาพยนตร์ อาหาร ฯลฯ จนทำให้คนทั่วโลกคลั่งไคล้ และทำรายได้เข้าประเทศมหาศาล







 
  การขายวัฒนธรรมไทย ทรัพย์สินทางปัญญาไทย หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไทย ไม่ใช่สิ่งเพ้อฝัน และไม่ใช่เรื่องยาก แม้จะยังไม่เห็นผลสำเร็จในทันที แต่หากทุกรัฐบาลสนับสนุนเต็มที่ สักวันหนึ่ง จะเกิดกระแส ”ไทยฟีเวอร์” ไปทั่วโลกได้แน่




                                                                                       ฟันนี่เอส

                                                                                    7 เม.ย.2554




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น