วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

ราคาข้าวตกมาแล้ว



             ปัญหาน้ำมันปาล์มยังแก้ไม่ตก ตอนนี้ ปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำก็มาซ้ำเติมรัฐบาล ท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีอีกแล้ว!!

             ล่าสุด ณ วันที่ 21 ก.พ.54 ราคาขายส่งจากการสำรวจของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิฤดูการผลิต 53/54 ตันละ 12,650-14,000 บาท ลดลงจากต้นฤดูกาลในเดือนพ.ย.53 ที่ตันละ 13,400-15,500 บาท

    ข้าวเปลือกเจ้านาปี 53/54 ตันละ 8,400-8,500 บาท ลดลงจาก 8,800-9,300 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานีปี 53/54 ตันละ 10,400-12,000 บาท ลดลงจาก 12,000-14,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวปี 53/54 ตันละ 13,500-16,000 บาท ลดลงจาก 14,000-16,350 บาท

    สาเหตุหลักมาจากข้าวในสต๊อกรัฐบาล ที่ระบายให้กับผู้ส่งออกตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาเกือบ 5 ล้านตัน จนถึงขณะนี้มีการส่งออกจริงราว 500,000 ตันเท่านั้น!!

    ทั้งที่ในการเปิดขายข้าวให้ผู้ส่งออก กระทรวงพาณิชย์อ้างนักหนาว่า จะขายให้เฉพาะผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อ (ออร์เดอร์) จากต่างประเทศแล้วเท่านั้น โดยให้นำออร์เดอร์มายืนยัน  (แต่ในวงการข้าวรู้ดีว่า ทำปลอมใบคำสั่งซื้อได้ไม่ยาก และไม่มีใครมาตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือไม่)  

    ซึ่งหากผู้ส่งออกเหล่านั้นมีออร์เดอร์จริง ป่านนี้ ข้าวเกือบ 5 ล้านตัน คงทยอยออกนอกประเทศไปเยอะแล้ว แต่จากการสอบถามผู้ส่งออกหลายราย ยืนยันตรงกันว่า การระบายสต๊อกข้าวรัฐครั้งนี้ เหมือนเป็นการเปลี่ยนเจ้าของผู้ครอบครองข้าว จากรัฐบาลมาเป็นผู้ส่งออกเท่านั้น และไม่ได้ส่งออกมากอย่างที่รัฐเทขาย

    ตอนนี้ จึงยังเหลือวนเวียนขายในประเทศอีกกว่า 4 ล้านตัน เช่น ขายให้กับผู้ผลิตข้าวสารบรรจุถุง ทำให้คนกลุ่มนี้ไม่จำเป็นต้องไปแย่งกันซื้อข้าวในตลาด เช่นเดียวกับผู้ส่งออกบางราย ที่ต้องการส่งออกจริง ก็ไม่ต้องมาแย่งซื้อข้าวในตลาด ไปขอซื้อจากผู้ส่งออกที่มีข้าวรัฐในครอบครองก็ได้ ดังนั้น เมื่อไม่มีการแย่งซื้อ ราคาในตลาดก็ไม่ขยับ

   เชื่อว่า กว่าจะผลักดันข้าวล็อตนี้ให้ออกนอกประเทศได้หมด คงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน จึงเป็นไปได้ว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ราคาข้าวในประเทศคงจะลุ่มๆ ดอนๆ ต่อเนื่อง ไม่มีแนวโน้มสูงโด่งอย่างที่ควรจะเป็น

   แล้วยิ่ง สัปดาห์ก่อน เวียดนาม ลดค่าเงินด่องลงอีก จึงยิ่งทำให้ราคาข้าวของ 2 ประเทศห่างกันมากถึงตันละ 60-80 เหรียญสหรัฐ และเป็นแรงดึงดูดให้ผู้ซื้อไปซื้อข้าวจากเวียดนามแทน ประกอบกับ หากปีนี้ อินเดีย ผู้ส่งออกข้าวนึ่งรายใหญ่ คู่แข่งสำคัญของไทยอีกราย กลับมาส่งออกข้าวนึ่ง หลังจากหยุดส่งออกไปนาน ก็จะยิ่งซ้ำเติมราคาข้าวไทยไม่ให้เพิ่มขึ้นได้อีก เพราะราคาข้าวนึ่งอินเดีย ต่ำกว่าเกือบตันละ 100 เหรียญฯ

  แค่นี้ก็คงจะพอมองเห็นแล้วว่า ปีนี้โอกาสที่ราคาข้าวไทยจะสูงขึ้น คงจะยากเต็มที เว้นแต่ว่า มีออร์เดอร์ล็อตใหญ่เข้ามาชน

 เมื่อเห็นภาพอย่างนี้แล้ว รัฐบาลก็น่าจะมีแผนรองรับราคาข้าวร่วงได้แล้ว อย่าปล่อยให้ชาวนาต้องลุกขึ้นมาเดินขบวนประท้วงก่อน แล้วค่อยมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันเลย


 
                                                         ฟันนี่เอส


                                                            24 ก.พ.54

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น