วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

ทุกข์อย่างหนึ่งของคนไทย

                                                                                                                                     
                                                     

            ในที่สุด มาตรการที่กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือผู้ผลิตสินค้าตรึงราคาขายสินค้ามาอย่างยาวนานตลอดปี 53 ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปี 54 จะสิ้นสุดลงวันที่ 31 มี.ค.นี้ และกระทรวงพาณิชย์จะไม่ต่ออายุมาตรการออกไปอีกแล้ว

            สร้างความดีใจให้กับผู้ผลิตสินค้าเป็นอันมาก เพราะกระทรวงพาณิชย์จะยอมให้ผู้ผลิต ที่มีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นจริง ปรับขึ้นราคาขายได้อย่างสมเหตุสมผล  หลังจากแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นจนหลังแอ่น ที่สำคัญ จะทำให้กลไกตลาดสินค้าเหล่านั้นเดินอย่างตรงไปตรงมา ไม่ถูกบิดเบือนอีกแล้ว

   สอดคล้องกับ การให้สัมภาษณ์ของนายอีวายโล อิซวอร์สกี้ นักเศรษฐสาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก ที่ว่า การแก้ปัญหาราคาสินค้าแพงด้วยการตรึงราคา และอุดหนุนราคาพลังงาน ไม่ถูกต้อง เพราะกลไกตลาดบิดเบือน เกิดปัญหาขาดแคลน และมีการค้าขายในตลาดมืด...

   ...ดังนั้น รัฐบาลประเทศต่างๆ รวมถึงไทย ต้องยกเลิกการกระทำเหล่านี้ และอัดเงินสู่คนจนโดยตรง เพื่อให้มีเงินซื้อสินค้า และพลังงาน (สำหรับไทย ที่มีคอรัปชั่นเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ ไม่ต้องพูดถึงการแจกเงินดีกว่า เพราะประชาชนคงได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย คงไปตกอยู่ในกระเป๋าใครต่อใครเสียเป็นส่วนใหญ่มากกว่า)

   แต่การเลิกตรึงราคาสินค้า ในแง่ผู้บริโภค โดยเฉพาะครัวเรือนที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง หาเช้าไม่พอกินถึงค่ำ คงร้องโอดครวญ เพราะค่าครองชีพปัจจุบันพุ่งแซงหน้ารายได้ไปมากแล้ว จากที่เคยลำบาก ก็คงลำบากเพิ่มขึ้นอีก

   แน่นอนว่า ตั้งแต่เดือนเม.ย.เป็นต้นไป สินค้าจำนวนมากจะพร้อมใจกันขึ้นราคา โดยสินค้าสำคัญ 4 รายการแรกที่จะขึ้นราคาก่อน ล้วนแต่จำเป็นต่อการครองชีพ และประกอบอาชีพทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่นมสด น้ำมันถั่วเหลือง ปุ๋ยเคมี และเหล็ก เพราะต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นมาก ต่อจากนั้นก็อาจเป็นแบตเตอรี่รถยนต์ สายไฟฟ้า ซอสถั่วเหลือง น้ำปลา และอื่นๆ อีกมากมาย

   แต่ “ฟันนี่เอส” ขอร้องว่า การอนุมัติให้ขึ้นราคาขายนั้น กระทรวงพาณิชย์ต้องให้ทยอยปรับขึ้น เพื่อไม่ให้ประชาชน “ช็อค” และเดือดร้อนมากเกินไป เหมือนกรณีน้ำมันปาล์มบรรจุขวด ที่ขึ้นพรวดเดียว 9 บาท

  นอกจากนี้ ก่อนอนุมัติ กรมการค้าภายใน ต้องพิจารณาต้นทุนที่ผู้ผลิตเสนอมาให้อย่างละเอียดรอบคอบ อะไรที่เป็นต้นทุนแฝง ต้นทุนเทียม ก็ให้เอาออกไป อย่าเอามาคิดรวมเป็นต้นทุนการผลิตด้วย เพราะจะทำให้ราคาที่ปรับขึ้นไปสูงเกินจริง และผู้บริโภค เสียประโยชน์ฝ่ายเดียว

  ไม่รู้ว่า ที่ผ่านมา ผู้บริโภคเสียค่าโง่ไปขนาดไหนแล้ว อยากให้ กรมการค้าภายใน รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมพ่อค้า เลิกเข้าข้างพ่อค้า และปกป้องผลประโยชน์ประชาชนบ้าง

   “ฟันนี่เอส” เห็นข่าวนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จะรื้อโครงสร้างต้นทุนสินค้าใหม่ทั้งหมด หลังพบว่า ต้นทุนของภาคเอกชนมีต้นทุนเทียมแฝงอยู่เพียบ

   ก็ขอให้ทำได้จริงสมความตั้งใจ เพราะคนไทยจะได้เลิกโง่ เลิกถูกเอาเปรียบเสียที 

       
                                                                

                                   ฟันนี่เอส

                                                                      24 มี.ค.54

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น