วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

ป้องกันล่วงหน้าดีกว่า

                                                                                                               
                                                                                                                          

         เสียใจอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจนถึงขณะนี้ ความรุนแรงก็ยังไม่หยุด ยังมีอาฟเตอร์ช็อคตามมาเป็นระยะๆ นับได้เกินร้อยครั้ง มิหนำซ้ำเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ยังระเบิดอีกหลายเตา และปลดปล่อยสารกัมมันตรังสีเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ

 แม้หลายหน่วยงาน เช่น คณะกรรมการวิทยาศาสตร์แห่งสหประชาชาติว่าด้วยผลกระทบจากสารกัมมันตรังสี ยืนยันหนักแน่นว่า สารกัมมันตรังสีที่รั่วไหลออกมา ยังไม่เกินค่าที่กำหนด และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน

 เพราะเป็นการรั่วไหลออกมาเพียงเล็กน้อยในขณะที่เตาปฏิกรณ์ปิดทำงาน ต่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่เชอร์โนบิล ของรัสเซียระเบิดขณะที่เตาปฏิกรณ์กำลังเดินเครื่องเต็มที่ จึงเกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีจำนวนมหาศาล คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก

         อย่างไรก็ตาม คนญี่ปุ่นเอง รวมถึงคนทั่วโลกกำลังหวั่นวิตกถึงอันตรายของสารกัมมันตรังสี ที่รั่วไหลออกมา เพราะเกรงว่า จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนญี่ปุ่น  และอาจปนเปื้อนในอาหารที่มาจากญี่ปุ่น ทำให้ผู้บริโภคในประเทศอื่น ที่นำเข้าสินค้าเหล่านี้ได้รับอันตรายไปด้วย

 ที่สำคัญ ยังมีโอกาสที่สารกัมมันตรังสี จะถูกลมพัดหอบข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก ไปจนถึงสหรัฐฯ หรือแคนาดา รวมถึงมีโอกาสที่สารเหล่านี้จะตกลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้สัตว์น้ำต่างๆ ได้รับสารนี้ได้ เมื่อคนนำไปบริโภคก็จะได้รับอันตรายเช่นกัน

ที่จริง “ฟันนี่เอส” ไม่อยากฉายภาพจนทำให้ผู้คนหวาดวิตกกับเรื่องนี้จนเกินเหตุ แต่ก็เห็นว่า หากเราไม่ทำอะไรเลย แล้วบังเอิญมีสินค้าที่มาจากญี่ปุ่น โดยเฉพาะอาหารปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี มาวางบนชั้นขายสินค้า หรือมารออยู่ในร้านอาหารพร้อมให้เราสั่งมารับประทาน ก็อาจเป็นอันตรายได้ ถือว่าป้องกันไว้ก่อนเป็นดีที่สุด           

จึงอยากให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า และดูแลคุณภาพสินค้า เช่น กระทรวงสาธารณสุข ตื่นตัวกับเรื่องนี้ และออกประกาศเฝ้าระวังสินค้า โดยเฉพาะอาหาร ที่นำเข้าจากญี่ปุ่น หรืออาหารทะเลที่มาจากแปซิฟิก หรืออาจห้ามนำเข้าระยะหนึ่งจนกว่าจะมั่นใจว่าไม่มีการปนเปื้อน และไม่มีอัตราย

อย่าถือว่า การดำเนินการเช่นนี้จะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือกระทบการค้าเลย เอาความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้งดีกว่า เพราะหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ ออกประกาศห้ามนำเข้าแล้ว

            ส่วนกรมศุลกากร เห็นข่าวว่า  นายยุทธนา หยิมการุณ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้มงวดกับสินค้าจากญี่ปุ่น หากตรวจพบสารกัมมันตรังสีจะสั่งอายัดสินค้าไว้ที่ท่าเรือทันที คาดว่า สินค้าจากญี่ปุ่นล็อตแรกหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว จะมาถึงท่าเรือแหลมฉบังสัปดาห์หน้า

            เห็นการเตรียมความพร้อมของกรมศุลกากรแล้วก็เบาใจ “ฟันนี่เอส” เคยรับรู้ถึงอันตรายของสารกัมมันตรังสีมาแล้ว จึงอยากให้รัฐบาลไทยทำงานเชิงรุกบ้าง  อย่าเอาวัฒนธรรมที่ให้เกิดเหตุร้ายก่อนแล้วมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามาใช้อีกเลย เพราะชีวิตคนเป็นของมีค่า ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ



ฟันนี่เอส

17 มี.ค.54

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น