วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ข้าวไทยปลอดภัยไร้กังวล













              เป็นนักข่าวกระทรวงพาณิชย์มาหลายปี ได้รับรู้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องข้าวมาก็มาก

 แต่ยังไม่เคยได้รับข้อมูลว่า ข้าวไทย โดยเฉพาะข้าวสารบรรจุถุง มียาฆ่าเชื้อรา และแมลงในระดับที่เป็นอันตราย หรือเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้าย เช่น มะเร็ง อย่างที่เป็นข่าวในช่วงที่ผ่านมาเลย

            เข้าใจว่า เรื่องข้าวไม่ปลอดภัย เป็นความพยายามสร้างข่าวโจมตีว่า ข้าวที่เก็บในสต๊อกรัฐบาลไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีการรักษาคุณภาพให้ดี จนข้าวเน่าบ้าง มีมอด แมลง หรือหนูกินบ้าง

            เป็นความพยายามขยายผล ให้ประชาชนเห็นว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนี้ นอกจากจะมีการโกงกินอย่างมโหฬาร ข้าวในสต๊อกขายไม่ออก รัฐขาดทุนมหาศาลแล้ว ยังต้องการให้เห็นอีกว่า การเก็บรักษาข้าวก็ห่วยสิ้นดี เพราะมีข้าวเน่าคาโกดังอยู่หลายแห่ง  






             ทั้งที่ในความเป็นจริง การเก็บรักษาข้าวในสต๊อก รัฐบาลเช่าโกดังกลาง หรือคลังสินค้ากลางของเอกชนเพื่อฝากเก็บข้าว มีการทำสัญญาอย่างชัดเจนรัดกุมว่า เจ้าของโกดัง หรือคลังสินค้านั้นต้องดำเนินการอย่างไรกับข้าวที่รัฐฝากเก็บ

            เช่น รักษาคุณภาพ ด้วยการรมยาฆ่ามอด แมลง 2 ครั้ง/เดือน มีผู้ตรวจสอบคุณภาพ (เซอร์เวเยอร์) มาตรวจคุณภาพเป็นประจำ หากข้าวในโกดัง เกิดเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น เน่า  มีเชื้อรา ชื้นจนจับตัวเป็นก้อน น้ำท่วม ไฟไหม้ ฯลฯ เจ้าของโกดังต้องรับผิดชอบ เพราะรัฐไม่ปล่อยให้ข้าวเสียหาย หรือเสื่อมคุณภาพจนขายไม่ได้แน่ (เว้นแต่เป็นข้าวเก่าเก็บหลายๆ ปี)






            ในเรื่องนี้ ทั้งกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ข้อมูลเดียวกันว่า ข้าวในสต๊อก จำเป็นต้องรมยา เพื่อรักษาคุณภาพ โดยใช้ยา "อลูมิเนียมฟอสไฟด์" ที่กรมวิชาการเกษตรเป็นผู้ควบคุมนำเข้า และวิธีการใช้ ตามมาตรฐานองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) คือ ต้องมีสารตกค้างไม่เกิน 0.1 มิลลิกรัมต่อข้าวสาร 1 กิโลกรัม ยาชนิดนี้ จะไม่ตกค้าง เพราะจะระเหิดไปเองภายใน 5-7 วัน

            ขณะที่ผู้ส่งออก ก็ให้ข้อมูลตรงกันว่า จำเป็นต้องรมยา เพื่อขจัดมอด แมลง ถ้าไม่รมยา ระหว่างการขนส่งข้าวจากไทยไปประเทศผู้ซื้อ เกิดไข่มอด ไข่แมลงไปฟักเป็นตัวเข้า จะยิ่งเสียหายหนัก ผู้ซื้ออาจสั่งเผาทิ้งข้าวล็อตนั้นทันที และอาจห้ามการนำเข้าจากไทยได้

นอกจากนี้ ยังมีความพยายามปั้นข่าวโจมตีขยายผลต่อเนื่องไปถึงข้าวสารบรรจุถุงว่าไม่ปลอดภัย ส่งผลให้ผู้ผลิตข้าวถุงหลายยี่ห้อ เปิดแถลงข่าวยืนยันข้าวของตนเองปลอดภัย ไร้กังวลต่อการบริโภค





 โดยให้เหตุผลว่า การรมยาเป็นมาตรฐานที่อุตสาหกรรมข้าวใช้กันทั่วโลก สารรมยาระเหยได้เองใน 7 วัน หลังจากนั้นจะเปิดผ้าคลุมกอง โดยใช้เวลาอีก 1 วันให้สารระเหยออกจนหมด และก่อนบรรจุถุงต้องปรับปรุงคุณภาพอีก ส่วนข้าวส่งออก การรมยาก็เป็นไปตามมาตรฐานเช่นกัน

ที่สำคัญ รัฐบาลไม่ได้ระบายสต๊อกข้าวมาหลายเดือนแล้ว ดังนั้น ข้าวสารถุงที่ขายในประเทศ เป็นข้าวที่ผู้ประกอบการข้าวถุงไปหาซื้อเองในท้องตลาด ไม่ใช่จากสต๊อกรัฐบาลอย่างแน่นอน!!

          เมื่อข้อมูลมีมาเช่นนี้แล้ว ก็อยู่ที่วิจารณญาณของผู้บริโภคเองว่าจะเชื่อหรือไม่ ขออย่างเดียว! อย่าหลงเชื่อเพียงเพราะนิยมชมชอบคนพูด ไม่ว่าคนนั้นจะพูดผิดอย่างไร ก็ยังตะแบงหลงเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง!



ฟันนี่เอส



                                                                       27 มิ.ย. 56

2 ความคิดเห็น:

  1. ถ้าเป็นเรื่องจริง ควรเปิดเผยและเผยแพร่ให้เยอะๆ ตอนนี้ไม่กล้าซื้อข้าวกินแล้ว กลัวมาก

    ตอบลบ
  2. ข้าวไทยกินได้ปลอดภัยหรือไม่คือคำถามของประชาชนหลายคน ทั้งๆ ที่รัฐบาล หน่วยงานรัฐออกมาชี้แจงหลายครั้งแล้ว แต่ปัญหายังคาใจหลายคน ความโปร่งใสคือผู้พิฆาตข่าวลือ ความไม่ไว้ใจ
    http://www.positive4thailand.com/2013/07/rice-pledging-update-130717.html

    ตอบลบ