วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ปลัดพาณิชย์หญิงคนแรก


















              ลุ้นกันอยู่นาน ในที่สุด คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้ผ่านความเห็นชอบแต่งตั้ง นางวัชรี วิมุกตายนอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ต่อจาก นายยรรยง พวงราชปลัดคนปัจจุบัน ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้



              ถือเป็นปลัดหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของกระทรวงพาณิชย์ หรือในรอบ 92 ปีนับตั้งแต่วันก่อตั้งเลยทีเดียว



              และยังถือว่าไม่เกินความคาดหมายสักเท่าไร แม้ชื่อนางวัชรีจะเป็นแคนดิเดตที่แผ่วมาตั้งแต่แรก แต่ก็มาแรงแซงทางโค้งในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนที่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ จะตัดสินใจเสนอชื่อนั่งตำแหน่งปลัด เข้าสู่การพิจารณาของครม.ในคืนวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากถกเครียดกันอยู่นานหลายชั่วโมง



              เนื่องจากแคนดิเดตที่เหลืออยู่ล่าสุดเพียง 2 คน คือ นางวัชรี และนางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ มีจุดเด่น จุดด้อยแตกต่างกันไป โดยนางวัชรีถนัดเรื่องภายในประเทศ ส่วนนางศรีรัตน์ เดินสายงานด้านการค้า และการเจรจาการค้าระหว่างประเทศมาโดยตลอด



             แต่นโยบายของรัฐบาลขณะนี้คือ การแก้ปัญหาปากท้อง ลดค่าครองชีพประชาชน เพิ่มรายได้เกษตรกร เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น



               ดังนั้น ฝ่ายการเมืองจึงจำเป็นต้องเลือก นางวัชรี มาขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นงานที่รับผิดชอบของกรมการค้าภายในอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับปลัดกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ที่มาจากกรมการค้าภายใน ที่จะขับเคลื่อนการทำงานของกระทรวงฯตามนโยบายของรัฐบาลให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย







            ซึ่งนางวัชรี ก็ไม่ได้ทำให้แฟนคลับผิดหวัง เพราะหลังจากมติครม.ออกแล้ว ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อสื่อมวลชนทันทีว่า งานเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการคือ ดูแลโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเพิ่มรายได้เกษตรกร ลดการเอารัดเอาเปรียบ และลดปัญหาทุจริต



            กระทรวงพาณิชย์กำลังจัดทำแนวทางผลักดันภาคการเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าในการส่งออก โดยเฉพาะข้าว ที่หลงผิดขายราคาต่ำมานาน ไทยไม่ใช่มูลนิธิขายข้าวราคาถูก แล้วทำให้ชาวนาในประเทศจนลง สินค้าเกษตรตัวอื่นๆ ก็เตรียมลดต้นทุนและผลักดันราคาให้สูงขึ้นเช่นกัน



             นี่ถือเป็นพันธะสัญญาที่เร่งดำเนินการให้สำเร็จ แต่ ฟันนี่เอสอยากให้ปรับรูปแบบการทำงานให้เร็วขึ้น เหมือนบริษัทเอกชน ไม่ใช่อืดเป็นเรือเกลือ จนต้องเข็น ต้องผลักกันจนเหนื่อยเหมือนที่ผ่านมา



             เห็นกันอยู่ว่า ในปีหน้า กระทรวงพาณิชย์ต้องทำงานหนักกว่าปีนี้ เพราะปัญหาสารพัดรุมเร้า ทั้งการขายข้าวในสต๊อกของรัฐบาล ที่มีอยู่ล้นหลาม การแก้ปัญหาการส่งออกที่ชะลอลง การเตรียมพร้อมประเทศไทย และคนไทยรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ฯลฯ



              ถ้ากระทรวงพาณิชย์ สามารถปรับการทำงานให้เร็วขึ้น ตามทันโลกที่เปลี่ยนแปลงโดยเร็วได้ การแก้ปัญหาต่างๆ และการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล จะมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่เยอะเลย เชื่อเหอะ!



 



                                                                                              ฟันนี่เอส



                                                                          23 ส.ค. 55

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น