วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

รัฐไม่จริงใจช่วยประชาชน






       
  
         เห็นหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯทำความสะอาดครั้งใหญ่ บิ๊ก คลีนนิ่ง เดย์ภายหลังน้ำลดแล้วก็อดดีใจด้วยไม่ได้ เพราะได้กลับเข้าไปอยู่ในบ้านได้เหมือนเดิมแล้ว หลังจากต้องอพยพเหมือนคนจรไปเรื่อยๆ  
   
         แต่อีกหลายพื้นที่ในเขตปริมณฑล อย่างปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม น้ำยังไม่มีทีท่าลดลงเลย หนำซ้ำบางพื้นที่กลับเพิ่มระดับขึ้นด้วย เพราะกรุงเทพมหานคร ที่มีผู้ว่าอย่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ปิดประตูระบายน้ำหลายแห่ง และวางแนวกระสอบทรายกั้นน้ำจากนนทบุรี และปทุมธานี ที่จะไหลเข้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อทำให้กรุงเทพฯน้ำแห้งสนิท   
   
         คงลืมนึกถึงคนในจังหวัดติดกัน ที่เมื่อกั้นน้ำแล้ว น้ำไม่มีทางไหล ก็ต้องขังเน่าอยู่อย่างนั้น รอวันให้ระเหยขึ้นฟ้าไปเองอย่างไร้ความหวัง ทำราวกับว่า มีชาวกรุงเทพฯเป็นคนไทยอยู่เมืองเดียวเท่านั้น ส่วนคนจังหวัดอื่นไม่ใช่คนไทย จึงไม่มีใครช่วยเหลือเหลียวแล
   
         ยิ่งรัฐบาลด้วยแล้ว ยิ่งทำเหมือนไม่มีตัวตน เพราะแทบไม่ให้การช่วยเหลือใดๆ แก่ประชาชนเลย ยกเว้นการให้เงินชดเชยครอบครัวละ 5,000 บาทเท่านั้น ซึ่งแทบไม่มีค่าอันใด เมื่อเทียบกับความเสียหายของแต่ละบ้าน ที่น้ำท่วมถึงอก ถึงเอว หรือมิดหัวนานนับเดือน
   
         เช่นเดียวกับเกษตรกร ที่รัฐบาลช่วยเหลือแบบขอไปที เพราะเงินชดเชยไร่ละพันกว่าบาทก็เทียบไม่ได้กับความเสียหายของไร่นาที่จมน้ำนานหลายเดือน จนผลผลิตเสียหายหมด ขายทำเงินไม่ได้เลย
   




         ฟันนี่เอสผิดหวังกับการช่วยเหลือเพียงน้อยนิดของรัฐบาล เมื่อเทียบกับความกระตือรือร้นของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ที่พยายามทุกวิถีทางช่วยเหลือผู้ประกอบการ ทั้งคนไทย และต่างประเทศ ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จมน้ำ
   
        ทั้งการกู้โรงงานให้กลับมาเดินเครื่องผลิตได้เร็วที่สุด การประสานธนาคารพาณิชย์ให้ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ การลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบ และเครื่องจักร เพื่อฟื้นฟูโรงงาน ฯลฯ
  
        ก็เข้าใจได้ว่า โรงงานเหล่านี้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล ทั้งมูลค่าจากการลงทุนโดยตรง และมูลค่าจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น การขายสินค้าที่ผลิตได้ การจ้างงาน เป็นต้น หากกลับมาเดินเครื่องได้อีกครั้ง จะเกิดเม็ดเงินมากมายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ตามมา
  
        จึงเป็นธรรมดาที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญมากกว่าบ้านเรือนประชาชน และเลือกสวนไร่นา ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ถึงเศษเสี้ยวของมูลค่าในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อหวังให้ต่างชาติไม่คิดถอนสมอทิ้งไทยไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน 
  




         แต่ ฟันนี่เอสอดไม่ได้ที่จะเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับประชาชน และเกษตรกรที่ถูกน้ำท่วม เพราะคนเหล่านี้ไม่มีความผิดอะไรเลย แต่ต้องกลายเป็นผู้รับเคราะห์จากการกระทำของนักการเมืองตกยุค และข้าราชการในอุ้งมือ ที่บริหารจัดการน้ำผิดพลาด
  
         ที่สำคัญกลุ่มคนเหล่านี้ ส่วนใหญ่แทบไม่มีปัญญาฟื้นฟูเยียวยาตนเองด้วยซ้ำ ดังนั้น รัฐบาลน่าจะหาทางช่วยเหลือด้วยวิธีการอื่นๆ อีก เช่น เจรจากับธนาคารพาณิชย์ยืดเวลาพักชำระหนี้ออกไปอีก 6 เดือนอย่างไม่คิดดอกเบี้ย (ตอนนี้แบงก์แต่ละแห่งยืดเวลาพักชำระหนี้ที่อยู่อาศัยแบบคิดดอกเบี้ย) ปล่อยกู้แบบดอกเบี้ยต่ำสุดๆ เพื่อเอาเงินไปลงทุนทำกิน หรือรัฐช่วยเหลือให้เครื่องมือทำมาหากิน ฯลฯ
 
        เพียงแค่รัฐบาลแสดงความจริงใจช่วยเหลือให้มากกว่าที่ทำอยู่ ก็น่าจะได้ใจประชาชนกลับคืนมาบ้าง ดีกว่าปล่อยให้ฐานเสียงหายไป เพราะคนที่เคยรักเคยชอบกลับเกลียดชังหลังจากเดือดร้อนแล้วไม่มีใครเห็นหัว
   
                   
ฟันนี่เอส

  24 พ.ย. 54
(ขออภัยบทความย้อนหลัง เนื่องจากสภาวะน้ำท่วม)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น