วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

จีน-ไทยพี่น้องกัน


       







           เคยไปทำข่าวที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน  ตื่นเต้นมาก ที่จะได้เห็นแผ่นดินจีน แผ่นดินที่มีอารยธรรม และวัฒนธรรมหยั่งรากลึกมานานหลายพันปี


            ทันทีที่เดินออกจากงวงช้าง เข้าสู่ตัวสนามบิน จมูกได้สัมผัสกับกลิ่นไม่พึงปรารถนาโชยออกมาจากห้องน้ำ ถึงกับต้องกั้นหายใจ แล้วรีบจ้ำเดินให้ผ่านไปเร็วๆ ในใจตอนนั้น รับไม่ได้จริงๆ เพราะจีน ที่ได้ชื่อว่าพี่เบิ้มแห่งเอเชีย และมีประวัติศาสตร์ชาติยาวนาน แต่ห้องน้ำไม่สะอาดเอาเสียเลย










            แต่เมื่อรถแล่นเข้าสู่ตัวเมือง ต้องปรับความคิดใหม่ เพราะตะลึงกับตึกรามบ้านช่อง ที่ใหญ่โตโอฬาร แค่เสาต้นเดียวของ มหาศาลาประชาชน(The Great Hall of the People) หรือรัฐสภา ไม่รู้กี่คนโอบจึงจะรอบ


              แม้ตอนนั้น เศรษฐกิจจีนยังไม่ขยายตัวร้อนแรงเหมือนปัจจุบัน แต่พรรคคอมมิวนิสต์ ผู้บริหารประเทศ ไม่มีความคิดแบบไดโนเสาร์เต่าล้านปีเหมือนพรรคการเมืองบ้านเรา จึงได้พัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า ทันสมัย เพื่อให้จีนได้รับการยอมรับ และเบียดชาติตะวันตกมายืนอยู่แถวหน้าของโลกให้ได้

                เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้กลับไปกรุงปักกิ่งอีกครั้ง ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬาร เพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกปี 2551 และรองรับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน







               เริ่มตั้งแต่สนามบินนานาชาติ ที่ปรับปรุงใหม่ให้มีขนาดมหึมา ทันสมัยขึ้น ไม่มีกลิ่นจากห้องน้ำอีกแล้ว ถนนหนทางขยายใหญ่ขึ้นหลายช่องทาง ตึกรูปทรงทันสมัยผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แหล่งเสื่อมโทรมในเมืองหลวงไม่มีให้เห็นอีก ร้านอาหารฟาสต์ฟูดส์ และร้านกาแฟแบรนด์นอกมากขึ้น ห้างสรรพสินค้าสร้างใหม่ และถนนคนเดินขายของตลอดทางมากขึ้น รองรับความต้องการบริโภคของประชาชน ที่กินดีอยู่ดีมากขึ้น


            นโยบายของไทย ที่มุ่งกระชับความสัมพันธ์กับจีนในทุกระดับ ทั้งในเชิงลึกและกว้างจึงถือว่าถูกทาง เพราะนาทีนี้เศรษฐกิจจีนแข็งแกร่งที่สุดในโลก มีทุนสำรองระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก เป็นผู้นำเข้า-ส่งออกอันดับต้นของโลก และยังมีโอกาสที่เศรษฐกิจจะขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งจะช่วยฉุดให้เศรษฐกิจไทยโตตามไปด้วย








               แล้วยิ่งในการเดินทางเยือนจีนของนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อสัปดาห์ก่อน ทั้ง 2 ประเทศได้ลงนามบันทึกข้อตกลงแผนพัฒนาระยะ 5 ปีว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน มีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 120,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 3 ล้านล้านบาท ในปี 2559 




               และยังได้รับข่าวดีจากบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนหลายแห่งว่าจะมาลงทุนในไทยแน่นอน ทั้งเซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟ อินดัสทรี ที่จะลงทุนผลิตรถยนต์สำเร็จรูป ปีละ 100,000 คัน ป้อนตลาดไทย และส่งออก บริษัท เกรทวอลล์ มอร์เตอร์ ที่จะลงทุนผลิตรถกระบะ


             รวมถึงการนายกรัฐมนตรีของจีน นายเวิน เจียเป่า รับปากที่จะให้ หลินปิงอยู่ที่ไทยต่อไปหลังจากจะต้องส่งกลับคืนแผ่นดินแม่ในเร็วๆ นี้ด้วยแล้ว

          น่าจะรับประกันได้อย่างดีว่า ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศจะยิ่งใกล้ชิด แน่นแฟ้นมากขึ้น ว่ากันว่า คนจีน คนไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกันทั้งนั้น การร่วมกันสร้างอนาคตของทั้ง 2 ฝ่ายจึงสมควรยิ่ง







                                                                               ฟันนี่เอส



                                                            26 เม..ย 55

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น