วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

บัตรเครดิตพลังงานส่อหนี้พุ่ง




                            

           ผ่านพ้นกันไปแล้วสำหรับเทศกาลสงกรานต์ปี 2555 หวังว่าท่านผู้อ่านคงได้เต็มอิ่มกับการทำบุญ และรดน้ำดำหัวขอพรผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว แต่ที่น่าเสียใจก็คือการเกิดอุบัติเหตุจากเมาแล้วขับ และไม่สวมหมวกกันน็อคนี่ละ ที่ยังไม่ลดจำนวนลงเสียที ได้แต่หวังว่า ในปีต่อๆ ไปคงจะลดลงไปเรื่อยๆ

           จบจากความสุข ความสนุกสนาน มาถึงเรื่องหนักๆ ที่น่าเบื่อ แต่จำเป็นต้องรับรู้กันบ้างดีกว่า ฟันนี่เอสว่า นโยบายประชานิยมของรัฐบาล อย่าง บัตรเครดิตพลังงานเร่ิมส่อเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดกันแล้ว







 
          วันก่อน นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์รมว.พลังงาน ยอมรับว่า บัตรเครดิตพลังงาน ที่รัฐบาลผลักดันให้เกิดขึ้น จนมีผู้ขับขี่รถสาธารณะสมัครเข้าร่วมโครงการ 35,618 ราย และได้รับการอนุมัติแล้ว 27,268 รายนั้น ล่าสุด ณ วันที่ 4 เม.ย.55  มีผู้ขับขี่ โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ไม่ชำระหนี้วงเงินเครดิตมากถึง 50% ของยอดการใช้บัตรที่ 6.7 ล้านบาท

            หมายความว่า นับตั้งแต่เร่ิมโครงการเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.54 มีผู้ขับขี่แท็กซี่เบี้ยวหนี้ถึงกว่า 3 ล้านบาท!!

          ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ รมว.พลังงาน ถึงกับอึ้ง! แต่ฝากให้ผู้ใช้บัตรเร่งจ่ายหนี้ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถใช้บัตรได้อีก และจะเสียเครดิตในระยะยาว 

   


          ขณะเดียวกัน จะเร่งหารือกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินโครงการ เพื่อแก้ปัญหาหนี้เสีย และปรับปรุงหลักเกณฑ์การใช้บัตร รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ให้กับผู้ถือบัตร ที่ชำระหนี้ตรงเวลา เพื่อให้ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้ จะหาทางลดขั้นตอนการเติมก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ให้มีความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อทำให้การใช้บัตรเครดิตพลังงานมีความน่าสนใจ และดึงดูดให้ผู้ขับขี่รถสาธารณะหันมาใช้มากขึ้นด้วย


           จะว่าไปแล้ว บัรเครดิตพลังงาน ถ้ารัฐบาลผลักดันให้ประสบความสำเร็จ จะบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และบรรเทาภาระค่าครองชีพที่หนักอึ้งให้กับผู้ขับขี่รถสาธารณะ ทั้งแท็กซี่ สามล้อ และรถตู้โดยสารร่วม ขสมก.ได้มากโข

           เพราะจะมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ถือบัตร ด้วยการให้วงเงินเครดิตสำหรับชำระค่าก๊าซเอ็นจีวีแทนเงินสด 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน และสิทธิส่วนลดราคาขายปลีกเอ็นจีวี 0.50-2.00 บาท แต่กำหนดเพดานการให้ส่วนลดราคาขายปลีกไม่เกินมูลค่ายอดการซื้อก๊าซ 9,000 บาทต่อเดือน

  


           แต่เมื่อเกิดปัญหาชักดาบหนี้ค่าก๊าซขึ้น และถ้ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีสำนึกจะชำระหนี้ก้อนนี้จริงๆ ภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะตกอยู่ที่ผู้ให้บริการน้ำมัน ซึ่งก็คือ ปตท. และยิ่งหากจำนวนผู้ขับขี่ที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่ี่เกือบ 60,000 ราย แล้วเพียงแค่ครึ่งเดียวของผู้ขับขี่เหล่านี้ยังเบี้ยวหนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งทำให้ ปตท. ต้องรับภาระมากขึ้นไปอีก


         หรือหากรัฐบาลจะใช้หนี้แทนผู้ขับขี่เหล่านั้น ก็ไม่พ้นต้องนำเอางบประมาณมาใช้อยู่ดี ถือเป็นการเอาภาษีของประชาชนมาอุ้มกลุ่มคนเพียงไม่กี่หยิบมือ ที่มีสันดานขี้โกงอย่างที่ไม่ควรจะเป็น แทนที่จะนำงบประมาณนั้นไปใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด


         อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลจะทำให้โครงการนี้เดินหน้าไปด้วยดี ก็ขอให้อุดรูรั่ว ช่องโหว่ของโครงการให้ดี อย่าให้คนสันดานเสียเพียงน้อยนิดมาทำให้คนดีๆ ที่ต้องการได้ประโยชน์จากโครงการนี้ ต้องเสียชื่อ หรือเสียประโยชน์ตามไปด้วย เพื่อให้โครงการสามารถช่วยเหลือผู้ขับขี่ดีๆ ได้อย่างแท้จริง


          อย่าให้ใครมาว่าได้ว่า ประเทศไทยทุกสิ่งทุกอย่างดีหมด ยกเว้นอย่างเดียว คนไทยบางส่วนที่สุดขั้วจริงๆ!!




                                                                                                       ฟันนี่เอส


                                                                                                     19 เม.ย.55

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น