วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556

พิสูจน์ฝีมือปลัดพาณิชย์











            ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.56 เป็นต้นมา กระทรวงพาณิชย์ได้เปลี่ยน แม่บ้านหรือ ปลัดกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ แทนนางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์คนเก่าที่เกษียณอายุราชการแล้ว

            โดยนางศรีรัตน์ รัษฐปานะ รับตำแหน่งใหม่แทน แต่ไม่ว่าปลัดกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นคนเก่าหรือคนใหม่ เชื่อแน่ว่า ยังต้องทำงานหนักเหมือนเดิม และอาจจะหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะยังมีงานที่ท้าทาย รอพิสูจน์ฝีมืออีกมาก

            ที่ต้องเร่งทำในทันที คือ การดูแลโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลให้เดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง และบรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ที่ต้องการยกระดับรายได้เกษตรกรและให้อยู่ดีกินดีมากขึ้น

            แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอย่างที่รู้ๆ ว่า โครงการนี้มีปัญหาสารพัดอย่าง!

            ตั้งแต่วงเงินที่ ครม.อนุมัติให้เพียง 270,000 ล้านบาท ไม่รู้จะพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่พอจะเอาเงินจากไหนมาทำโครงการต่อ ถ้ากู้เพิ่มจะมีปัญญาใช้หนี้หรือไม่ แต่ถ้าไม่มีเงิน เกษตรกรจะเป็นอย่างไร และจะลุกฮือขึ้นประท้วงรัฐบาลหรือไม่

            แล้วยังจะมีปัญหาทุจริตที่โกงกินกันทุกขั้นตอนของการรับจำนำ โกงกินกันเป็นขบวนการ เงินรั่วไหลถึงมือชาวนาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย มีปัญหาขายข้าวในสต๊อกไม่ได้ เอาเงินมาคืนคลังล่าช้า และปิดบัญชีไม่ลงอีก

            นอกจากนี้ ยังมีปัญหาภาคการส่งออกที่ต้องเร่งกู้วิกฤติ หลังจากมูลค่าส่งออกไทย 7 เดือนปีนี้ ขยายตัวแค่ 1% จากเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ขยายตัว 7-7.5% จากปีก่อน (แต่กระทรวงพาณิชย์ลดเป้าหมายใหม่เหลือโต 4% เท่านั้น)

             ซึ่งการกู้วิกฤติการส่งออกนี้ ถือว่าเป็น งานหินเพราะการที่ส่งออกไทยลดลง เกิดจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ที่อยู่เหนือการควบคุมของไทย เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าชะลอตัวลงมาก จนกำลังซื้อลดลง

            ดังนั้น ไม่ว่าจะทำอย่างไร คงไม่สามารถเพิ่มกำลังซื้อ หรืออารมณ์ต้องการซื้อของผู้บริโภคได้ จึงทำได้แค่ปรับกลยุทธ์ผลักดันการส่งออกเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าขยายตัวดี ผู้ขายแทบไม่ต้องทำอะไรเลยก็ขายสินค้าได้ถล่มทลาย








          ส่วนปัญหาค่าครองชีพ ก็เป็นเรื่องสำคัญที่รอการแก้ไข เพราะปัจจุบัน ผู้บริโภคเหมือน รับกรรมอยู่ฝ่ายเดียว เพราะผู้ประกอบการผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาให้ผู้บริโภครับผิดชอบแต่เพียงลำพัง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ต้องสร้างสมดุลระหว่างผู้ผลิต/เกษตรกร พ่อค้า และผู้บริโภคให้ได้ ไม่ใช่เทน้ำหนักให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากเกินไป

            อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการและทุกภาคส่วน ให้พร้อมรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ที่ทุกวันนี้ ผู้ประกอบการและคนไทย ยังไม่พร้อมเอาเสียเลย และอาจทำให้ไทยเสียเปรียบสมาชิกอาเซียนอื่นได้








            และที่ลืมไม่ได้คือ การเจรจาเปิดเขตการค้าเสรีต่างๆ ที่ไทยอยู่ระหว่างการเจรจาให้บรรลุผล โดยเฉพาะกับยุโรป โดยต้องทำอย่างละเอียด รอบคอบ และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศอย่างสูงสุด รวมถึงต้องเตรียมมาตรการเชิงรุก ปกป้องการค้าไทยในเวทีโลก เพื่อให้ไทยไม่แพ้ใครด้วย

            ที่ร่ายมาทั้งหมดนี้ก็แทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว แต่ก็ขอเอาใจช่วยให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ทำงานได้สำเร็จลุล่วง เพราะเหล่านี้เป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติทั้งสิ้น!!

                                                                                  
                                                                                          ฟันนี่เอส

                                                   3 ต.ค.56

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น