วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บทเรียนจากการแชร์มั่วๆ









   
          จนถึงวันนี้ ข่าวโจมตีข้าวไทยปนเปื้อสารพิษ ไม่ปลอดภัยสำหรับการบริโภคยังไม่หายไปจากสื่อบ้านเรา เพราะมีความพยายามจากคนหลายกลุ่ม ที่กุกันขึ้นมา เพื่อหวังทำลายชื่อเสียงข้าวไทย ดิสเครดิตรัฐบาล และโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ทั้งที่ไม่มีความจริงอยู่เลย!! 
   
 





          และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวนี้ก็ถูกโหมกระพือให้ลุกเป็นไฟขึ้นอีกด้วยฝีมือการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของ นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ พิธีกรชื่อดังจากรายการ คนค้นคนและผู้บริหารบริษัท ทีวีบูรพา จำกัด ที่ระบุว่าข้าวสารบรรจุถุงของไทยปนเปื้อนสารพิษ
   
 
          ที่สำคัญ มีการระบุชื่อยี่ห้อข้าวถุงที่ห้ามคนไทยบริโภค ชนิดข้าว ชื่อโรงสี และบริษัทผู้ผลิต โดยไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนว่า ข้อความที่เห็นแชร์กันต่อๆ มาให้โลกโซเชียลมีเดีย และตนเองได้นำมาแชร์ต่อนั้น ถูกต้อง และอยู่บนพื้นฐานของความจริงหรือไม่ เป็นการกล่าวหา และใส่ร้ายผู้อื่นหรือไม่ และทำให้ธุรกิจเสียหายหรือไม่
   
 
          การโพสต์ของนายสุทธิพงษ์ ที่อ้างว่าเพื่อช่วยเหลือคนไทยให้กินข้าวที่ปลอดภัยนั้น สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนเป็นอันมาก!! 
   
 
          เพราะความเป็น สื่อของเค้าทำให้คนที่พบเห็นข้อความดังกล่าว ที่ไม่ได้ใช้สติปัญญา และเหตุผลตรึกตรอง ใช้แต่อารมณ์ อคติ และความเกลียดชังรัฐบาล ถึงกับตกอกตกใจ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องจริง 

          ส่งผลให้เกิดการแชร์ต่อๆ กันไป จนคนไทยไม่กล้าบริโภคข้าว เพราะกลัวตามข้อความในเฟซบุ๊กของนายสุทธิพงษ์ว่า รัฐบาลจะวางยาพิษประชาชนและยังทำให้ผู้ผลิตข้าวที่ถูกพาดพิงถึง เกิดความเสียหายทางธุรกิจ จนต้องทุ่มเงิน 30-50 ล้านบาท กอบกู้ภาพลักษณ์ข้าวถุงของตนเอง กลายเป็นการเสียเงินโดยไม่จำเป็น
   
 





          ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ข้าวไทยไม่ได้มีสารพิษปนเปื้อนอย่างที่กุข่าวขึ้นมาโจมตี เพราะสารที่ใช้รมยาข้าวก็ใช้กันทั่วโลก ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ในระหว่างการรมยา จะปิดกองข้าว ปิดประตูโกดังไว้ 10-15 วัน โดยห้ามเปิดเด็ดขาด เพราะยาที่รมข้าวอาจทำอันตรายกับสิ่งมีชีวิตได้ แต่หลังจากรมยาทิ้งไว้ตามเวลาที่กำหนด ยานี้จะระเหยไปเอง และไม่เหลือเป็นสารพิษตกค้าง เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
   
 





          หลังการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ถูกคนเข้าไปก่นด่าในเฟซบุ๊กอย่างถล่มทลาย โทษฐานทำลายชื่อเสียงข้าวไทยแล้ว ทำให้นายสุทธิพงษ์ต้องเร่งชี้แจงกับผู้ที่ถูกพาดพิง และนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ ถึงเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ ที่ไม่ได้จ้องทำลายข้าวไทย แต่เพื่ออยากให้คนที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบ และแก้ปัญหาข้าวปนเปื้อนสารพิษ     

          เรื่องลงเอยที่ นายสุทธิพงษ์ และบริษัท เจเอสเอล จะร่วมกันทำแผนกอบกู้ภาพลักษณ์ และฟื้นฟูความเชื่อมั่นในข้าวไทย ให้กลับขึ้นมาอยู่ในระดับเดิม หรือดีกว่าเดิม โดยใช้สื่อทั้งหมดที่มีอยู่ ซึ่งรูปแบบจะออกมาอย่าง และจะโปรโมตข้าวไทยในสื่อใด คงต้องติดตามต่อไป
   
          หากมองกันตามหลักของพุทธศาสนาแล้ว การโพสต์ข้อความแบบชุ่ยๆ โดยปราศจากการใช้ปัญญาตรึกตรองเช่นนี้ กำลังทำให้เขาได้รับกรรมที่ตนเองก่อขึ้น เพราะแม้จะมีคนรัก และให้กำลังใจเหมือนเดิม แต่ก็เพิ่มคนเกลียดชัง และคนสาปแช่งใหมากขึ้นโดยใช่เหตุ กลายเป็น เหยื่อการกระทำของตนเอง และยังต้องทำงานช่วยเหลือรัฐบาล และอุตสาหกรรมข้าว โดยไม่ได้รับผลตอบแทนอีกต่างหาก
   
 
          สังคมไทยทุกวันนี้ มีแต่ข่าวลือ ข่าวปล่อย ข่าวที่กุขึ้นมาเพื่อจ้องทำลายฝ่ายตรงข้าม โดยไม่คิดหน้าคิดหลังว่า ได้ส่งผลเสียหายต่อเนื่องไปอย่างไร ที่สำคัญ การเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง การจะโพสต์ข้อความ หรือจะแชร์อะไร จะทำแบบชุ่ยๆ ไม่ได้แล้ว ต้องใช้สติคิดสักนิดก่อนจะกด “send” ดีกว่าไหม?
               
 
                                     

                                                 ฟันนี่เอส


                                              18.ก.ค.56



                     ................................................









แฟน ฟันนี่เอส กระจก 8 หน้า ส่งมาให้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น