วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เออีซี: วาระแห่งชาติ






 



          ณ วันนี้ เหลือเวลาอีกไม่ถึง 3 ปี ไทยจะเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ร่วมกับสมาชิกอาเซียนอื่นอีก 9 ประเทศ ได้แก่ พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และบรูไน


         หมายความว่า เมื่อถึงวันที่ 1 ม.ค.2558 อาเซียนจะกลายเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน เป็นภูมิภาคที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง เป็นภูมิภาคที่มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกัน และเป็นภูมิภาคที่บูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลกได้อย่างสมบูรณ์


           ที่ผ่านมา อาเซียนได้ดำเนินงานตามแผนการจัดตั้งเออีซีอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายข้างต้น โดยการเปิดเสรีสินค้า ได้เปิดเสรีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ตั้งแต่ 1 ม.ค.2553 ส่วนเปิดเสรีสินค้าบริการ ได้ทยอยเปิดแล้ว เช่น สาขาคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม สุขภาพ ท่องเที่ยว ขนส่งทางอากาศ และโลจิสติกส์ และอยู่ระหว่างการเจรจาเปิดเสรีให้เพิ่มมากขึ้น


            ขณะที่การลงทุน จะเปิดเสรีเฉพาะสาขาที่ตกลงกัน โดยไทยได้ผูกพันการเปิดเสรีภายใต้กรอบที่กฎหมายกำหนด ส่วนการเปิดเสรีแรงงานฝีมือ จะเปิดเสรีในสาขาต่างๆ ได้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ นักบัญชี วิศวกร พยาบาล สถาปนิก นักสำรวจ การบริการการท่องเที่ยว ซึ่งการเข้ามาต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด แต่ไม่เปิดเสรีแรงงานไร้ฝีมืออย่างที่กังวลกัน


           ด้านการเป็นภูมิภาคที่มีความสามารถในการแข่งขัน ได้จัดทำแนวทางร่วม และคู่มือนโยบายแข่งขันสำหรับธุรกิจ ด้านการเป็นภูมิภาคที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันนั้น ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเอสเอ็มอี เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและการปรับตัว






           สุดท้าย การบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลก อาเซียนได้ทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) และความตกลงทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่ง(ซีอีพี) กับประเทศนอกอาเซียน ทั้งจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รวมถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป


            ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดย กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศซึ่งเป็นเจ้าภาพหลักได้เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง และจะทำอย่างเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ






           และล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศจะทำให้เออีซีเป็นวาระแห่งชาติ คือ ให้ทุกหน่วยงานร่วมกันรับผิดชอบสร้างความรู้ ความเข้าใจ และเตรียมความพร้อมให้กับทุกภาคส่วนสามารถก้าวเข้าสู่การเป็นเออีซีได้ทันตามกำหนด


          โดยสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับภาคเอกชนรวบรวมผลกระทบของภาคอุตสาหกรรม และเอสเอ็มอี มารายงานให้ทราบ เพื่อเร่งประชุมเชิงปฏิบัติการกำหนดยุทธศาสตร์การทำงาน และให้กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศรวบรวมข้อมูล และประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการต่างจังหวัดเช่นกัน


           เห็นแล้วก็ดีใจแทนประชาชน และผู้ประกอบการ ที่รัฐบาลยังเห็นความสำคัญ แม้จะเป็นการเริ่มต้นที่ช้าไปนิด แต่ยังดีกว่าไม่เริ่มอะไรเลย






                                                                         ฟันนี่เอส

                                                        14 มิ.ย.55



 






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น