วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

เวรกรรมผู้บริโภค!

 
                                                      
              วันนี้ เชื่อแน่ว่าผู้บริโภคผิดหวังอย่างแรงกับการลดราคาสินค้าของผู้ผลิต หลังจากรัฐบาลงดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน จนมีผลให้ราคาน้ำมันลดลง และต้นทุนค่าขนส่งลดลงตามมา
  เพราะผู้บริโภคต่างเชื่อตามที่รัฐบาลประโคมข่าวเสียใหญ่โตว่า เมื่อรัฐบาลทำให้ราคาน้ำมันลดลงได้แล้ว ราคาสินค้าก็ต้องลดลงตาม
  แต่เอาเข้าจริง มีเพียง 5 รายการเท่านั้น ที่สามารถสนองนโยบายรัฐบาลในการลดค่าครองชีพประชาชนได้ ซึ่งได้แก่ ปูนซีเมนต์ กระเบื้องมุงหลังคา ปุ๋ยเคมี เครื่องปั๊มน้ำ และแป้งสาลี
              ส่วนสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพในชีวิตประจำวัน เช่น ผงชักฟอก สบู่ ยาสีฟัน และอาหารและเครื่องดื่ม เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ยังไม่สามารถลดราคาลงได้ทันที
              ทั้งๆ ที่เป็นกลุ่มที่ผู้บริโภคต้องการให้ลดราคาลงมากที่สุด!! เพราะต้องกินต้องใช้ทุกวัน
              โดยผู้ผลิตอ้างว่า ทำสัญญาว่าจ้างการขนส่งกับผู้ประกอบการขนส่งล่วงหน้าถึงสิ้นปีไปแล้ว โดยคิดต้นทุนน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 30 บาท แม้ตอนนี้ ดีเซลจะลดลงลิตรละ 3 บาท  แต่สัญญาที่ทำล่วงหน้าไว้แล้ว แก้ไขไม่ได้ ผู้ผลิตต้องจำใจจ่ายตามราคาเดิม
              ถ้ายอมลดราคาลงตามนโยบายรัฐบาล จะต้องขาดทุน แต่จะยอมตรึงราคาขายไปจนถึงสิ้นปีนี้ หลังจากนั้น อาจปรับลดราคาลงได้ ซึ่งเหตุผลนี้น่าจะพอรับฟังได้
              แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ลดราคาขายไม่ได้ทันที เพราะผู้ผลิตมีต้นทุนแฝง ที่ผู้บริโภคไม่น่าจะเคยคิดถึงมาก่อน และเป็นเหตุผลที่ไม่น่าจะรับฟังได้เลยด้วยซ้ำ
              นั่นคือ ต้นทุนจากการจ่ายส่วยทางหลวงเดือนละหลายแสนบาท เพื่อแลกสติกเกอร์ติดหน้ารถบรรทุกบอกให้รู้ว่า รถคันนี้จ่ายส่วยแล้ว ห้ามแตะต้องเด็ดขาด
              ซึ่งต้นทุนนี้เอง ที่ผู้ประกอบการขนส่งผลักภาระมาให้ผู้ผลิตสินค้า และผู้ผลิตสินค้าก็ผลักภาระอีกทอดหนึ่งมาให้ผู้บริโภครับผิดชอบเองทั้งหมด
              ผู้บริโภคเคยรู้มาก่อนหรือไม่ว่าเงินที่จ่ายซื้อสินค้านั้น ส่วนหนึ่งได้จ่ายเป็นค่าส่วยเพื่อให้เจ้าหน้าที่บางกลุ่ม บางคนเสวยสุข ทั้งที่เรายังปากกัดตีนถีบอยู่เลย
              เท่าที่จำความได้ ส่วยทางหลวง เกาะกินสังคมไทยมานานแสนนานแล้ว เพราะผู้รับผิดชอบโดยตรงแกล้งมองไม่เห็น ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ตลอดเวลา อาจเป็นเพราะได้รับส่วนแบ่งด้วย หรือไม่อยากล้ำเส้นคนรับผิดชอบโดยตรง และคงไม่มีหนทางแก้ไขให้เบาบางลง หรือหมดไปได้แน่
             ดังนั้น ผู้บริโภคไทยต้องทำใจ และยอมรับสภาพจ่ายให้กับคนกลุ่มนี้ชั่วกัปป์ชั่วกัลป์!! อย่าได้พยายามวิงวอนขอให้ใครหน้าไหนแก้ปัญหาเลย เพราะหากมีคนจริงใจคิดจะแก้ปัญหาจริง ก็คงแก้ไขไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้พฤติกรรมอุบาทว์ประจานตัวเองอยู่อย่างนี้หรอก
              เฮ้อ! เวรกรรมของผู้บริโภคไทยจริง จริ๊ง....
                 ฟันนี่เอส
                      8 ก.ย.54

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น