วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รัฐมนตรีที่ไม่น่าภาคภูมิ





 



              ตอนนี้ ภาระหนักของกระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้มีเพียงแค่การแก้ปัญหาค่าครองชีพประชาชนที่ กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง หรือการยกระดับราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น
        
                แต่ยังมีภาระหนักที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือ การผลักดันให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในปีนี้ ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 15% จากปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 260,000 ล้านเหรียญ สหรัฐฯ หรือเกือบ 8 ล้านล้านบาท



            เพราะเครื่องจักรหลักที่ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้คือรายได้จากการส่งออก ที่มีสัดส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศกว่า 60%  แต่ขณะนี้ เครื่องจักรหลักกำลังซวนเซ ไร้ทิศทาง และไม่รู้จะยังเป็นเครื่องจักรหลักที่ทำ ให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้อีกหรือไม่!!

              เนื่องจากมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไตรมาสแรกปีนี้ติดลบถึง 3.92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่า 54,641 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.69 ล้านล้านบาท ลดลง 1.63%







               สาเหตุหลักมาจากผู้ผลิต/ผู้ส่งออกไทย ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ปลายปีก่อนโรงงานผลิตหลายแห่งเสียหาย และยังไม่สามารถเดินเครื่องผลิตได้เต็ม 100% เหมือนช่วงก่อนน้ำท่วม



               ขณะเดียวกัน ตลาดส่งออกหลักๆ ทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป หรือญี่ปุ่น ภาวะเศรษฐกิจยังเปราะบาง โดยเฉพาะฝั่งยุโรป ที่การแก้ปัญหาหนี้สาธารณะยังไม่สำเร็จ และยังมีแนวโน้มขยายวงกว้างมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการนำเข้าสินค้าของตลาดเหล่านี้ลดลง








              นอกจากนี้ ยังมีปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น จากราคาน้ำมันดิบ และราคาวัตถุดิบสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะการขึ้นราคาอาจทำให้ลูกค้าหนีไปซื้อจากผู้ผลิตรายอื่น ที่มีต้นทุนต่ำกว่าแทน แต่ถ้าไม่ขึ้นราคาก็อาจต้องกลืนเลือดตัวเองในที่สุด


             เมื่อเห็นสารพัดปัญหารุมเร้าแบบนี้แล้ว อยากถาม นายภูมิ สาระผลรมช.พาณิชย์ ที่กำกับดูแลกรมส่งเสริมการส่งออกว่า วางแผนแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร เพื่อให้มูลค่าส่งออกพลิกกลับมาขยายตัวเป็นบวกโดยเร็วที่สุด



              ที่ถามตรงๆ เพราะไม่เห็นฯพณฯท่านจะกระตือรือร้นทำงาน หรือกำหนดนโยบายแก้ปัญหา แต่กลับปล่อยให้กรมส่งเสริมการส่งออก ทำงานกันตามบุญตามกรรม ขณะที่ตนเองกลับเดินสายไปต่างประเทศไม่หยุด และไปแต่ละครั้งไม่มีผลงานให้เป็นที่ประจักษ์สมกับงบประมาณที่สูญเสียไป


              ถ้าเป็นแบบนี้ คงไม่จำเป็นต้องมีรัฐมนตรีมากำกับดูแลการทำงานของข้าราชการให้เสียงบประมาณแผ่นดินก็ได้
   





              ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ ผลสำรวจเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เรื่องความพอใจของประชาชนต่อคณะรัฐมนตรีในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา ยิ่งตอกย้ำให้เห็นชัดว่า ประชาชนพอใจการทำงานของ นายภูมิเพียง 32.5% รั้งอันดับที่ 35 จากคณะรัฐมนตรี 38 คน  และยังติดอันดับ 4 ใน 10 รัฐมนตรีที่ชื่อไม่เป็นที่รู้จักของประชาชนด้วย



          เดาได้ไม่ยากว่าการส่งออกปีนี้จะลูกผีหรือลูกคน ถ้าโตตามเป้าหมายก็ให้รู้ไว้ว่าเป็นฝีมือข้าราชการกรมส่งเสริมการส่งออก และภาคเอกชน ไม่ใช่รัฐมนตรี เฮ้อ! เห็นแล้วน่าภูมิใจแทนประชาชนที่เลือกมาเป็นส.ส. และผู้สนับสนุนให้มานั่งเป็นรัฐมนตรีจริงๆ


 

                                                                                 ฟันนี่เอส

                                                              17 พ.ค. 55

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น