วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

พ่อแม่รังแกฉัน











 
                                                           


โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล มีปัญหาได้ตลอดเวลาจริงๆ ไม่เคยเห็นราบรื่นเลยสักครั้ง ล่าสุด รัฐบาลกำลังจะเริ่มโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 55/56 รอบ 2 หรือโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 56 ราววันที่ 1 เม.ย.56

           
ที่ว่าเป็นเรื่องเพราะ รัฐบาลห้ามชาวนานำข้าวเปลือกอายุสั้น หรือใช้เวลาปลูกไม่เกิน 100 วัน มาเข้าร่วมโครงการ ซึ่งกำหนดห้ามไว้ 18 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ 75 หรือบีพี 75, ซี-75, ราชินี, พวงทอง, พวงเงิน, พวงเงินพวงทอง, พวงแก้ว, ขาวปทุมสามพราน 1, พันธุ์ 039 หรือเจ้าพระยา หรือพีเอสแอลซี 2001-240, โพธิ์ทอง, ขาวคลองหลวง, มาเลเซีย, เตี้ยมาเล, ขาวมาเล, มาเลแดง, เบตง และอีแล็ปหรืออีเล็ป

           
เพราะข้าวดังกล่าวมีคุณภาพต่ำมาก และไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ส่งออกแทบไม่ได้ โดยหากนำข้าวเปลือกทั้ง 18 สายพันธุ์ มาสีแปรสภาพเป็นข้าวสาร จะได้เป็นข้าวสารขาว 35% หมายความว่า ในข้าว 100% มีข้าวเต็มเมล็ดอยู่ 65% ส่วนอีก 35% เป็นข้าวหักผสมอยู่

อีกทั้งการเพาะปลูกข้าวทั้ง 18 สายพันธุ์ ยังส่งผลเสียต่อการเพาะปลูกในระยะยาว เพราะหากเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกในรอบต่อไป ผลผลิตจะลดลงเรื่อยๆ จนไม่คุ้มค่ากับการลงทุน และยังไม่ต้านทานโรค

เมื่อเป็นเช่นนี้ รัฐบาลจึงต้องห้ามนำมาจำนำ เพราะขืนรับจำนำไปก็ขายไม่ได้ และอาจทำให้รัฐบาลขาดทุนมาก มิหนำซ้ำยังอาจทำให้ชื่อเสียงข้าวไทยเสียหายได้ เนื่องจากไทยเน้นการส่งออกข้าวคุณภาพดี ราคาสูง












ส่งผลให้ชาวนาร้องเรียนผ่านสภาการเกษตร และสมาคมชาวนาไทย ขอให้รัฐบาลรับจำนำข้าวทั้ง 18 สายพันธุ์ไปก่อน เพราะปัจจุบัน ชาวนาไทยนิยมปลูกกันมาก เนื่องจากใช้เวลาสั้น ภายใน1 ปี ปลูกได้ถึง 4 รอบ ทำให้ชาวนาทำเงินจากการจำนำได้มากขึ้น โดยชาวนาภาคกลาง และภาคเหนือ ที่พื้นที่นาอยู่ในเขตชลประทาน ได้ลงทุนเพาะปลูก และรอการเก็บเกี่ยว เพื่อหวังนำมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำแล้ว

หรือหากรัฐบาลจะห้ามจริง ก็ควรประกาศเตือนชาวนาล่วงหน้าก่อนลงมือ และลงทุนเพาะปลูก เพราะจะไม่ได้ไม่เจ็บตัว และเจ็บใจกับนโยบายของรัฐบาลเช่นนี้!!

เรื่องที่รัฐบาลจะช่วยเหลือเกษตรกร ไม่มีใครตำหนิ แต่การช่วยเหลือควรทำอย่างพอดี และมีเหตุผล ไม่ใช่ตะบี้ตะบันทำเพราะหวังเสียงสนับสนุนจากเกษตรกร แล้วสร้างความเสียหายด้านอื่นๆ ตามมาอีกมาก

ผู้รู้ต่างพูดตรงกันว่า การรับจำนำ รัฐบาลควรทำในระยะสั้น กำหนดปริมาณรับจำนำ และราคาต้องไม่สูงโต่งเกินจริง ที่สำคัญควรช่วยเหลือลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจะดีกว่า เพราะจะเกิดประโยชน์กับเกษตรกรในระยะยาวมากกว่า แต่ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่เคยช่วยเหลือเกษตรกรอย่างที่ว่าเลยสักนิด

รู้อยู่ว่าพ่อแม่ทุกคนเป็นห่วงลูก แต่คงไม่มีใครคิดจะป้อนข้าวป้อนน้ำลูกไปจนวันตาย ถ้าพ่อแม่ตายก่อน ลูกคงเอาตัวไม่รอด พ่อแม่ที่ดีควรจะสอนให้ลูกมีวิชาใช้เลี้ยงตัวเอง จะได้ไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่ตลอดไป

ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น รัฐบาลควรสร้างความเข้มแข็งให้กับอาชีพเกษตรกร ไม่ใช่ช่วยด้วยการทำโครงการรับจำนำทุกๆ ปี เพราะแม้จะทำให้เกษตรกรขายสินค้าได้ราคาสูง แต่ก็จะไม่รู้จักวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ปลูกพืชแบบตามมีตามเกิด เพราะรู้อยู่ว่า ไม่ว่าจะอย่างไร รัฐบาลก็ต้องรับจำนำอยู่ดี

ในระยะยาว จะทำให้ภาคเกษตรไทยอ่อนแอลง ขณะที่ภาครัฐก็จะง่อยเปลี้ยเสียขา เพราะกู้หนี้ยืมสินมารับจำนำ และสร้างภาระงบประมาณในการเก็บรักษา สุดท้ายไม่มีใครได้ประโยชน์เลยสักนิด หยุดทำตัวเป็นพ่อแม่รังแกฉันจะดีกว่ามั้ย?



ฟันนี่เอส


                                                                       21 มี.ค. 56

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น