วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ลดราคาน้ำมันปาล์มขวด




            วันก่อนเห็นข่าว กระทรวงพาณิชย์ พยายามเรียกร้องให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เรียกประชุมเพื่อพิจารณาลดราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มบรรจุขวดลิตร จากปัจจุบันกำหนดราคาควบคุมที่ขวดละ 47 บาท

            เพราะขณะนี้ ราคาผลปาล์มสดลดลงมาก โดยชาวสวนปาล์มขายได้จริงเพียงกิโลกรัมละ 4.80 บาท เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% ถ้าเปอร์เซ็นต์น้ำมันต่ำกว่านี้ ราคาเหลือเพียงกก.ละ 3-4 บาทเท่านั้น





    ทั้งที่ มติ กนป.กำหนดมาตรการช่วยเหลือประชาชนให้บริโภคน้ำมันปาล์มขวดไม่เกินขวดละ 47 บาทในช่วงต้นปีที่ราคาน้ำมันปาล์มทะยานขึ้นหลายเท่าตัว ด้วยการให้โรงสกัด และโรงกลั่น รับซื้อผลปาล์มสดจากชาวสวนที่กก.ละ 6 บาท โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้กับโรงสกัด และโรงกลั่น

    แต่เอาเข้าจริง โรงสกัดและโรงกลั่นบางส่วน ที่เห็นแก่ประโยชน์ตนเองก็กดราคารับซื้อ โดยอ้างไม่ได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันตามที่กำหนด ประกอบกับ ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ราคาจึงร่วงลงอย่างช่วยไม่ได้

    ขณะเดียวกัน  สมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งประเทศไทย ก็เรียกร้องให้ กนป.ยกเลิกมติรับซื้อปาล์มในราคาประกันกก.ละ 6 บาท (แต่คงหมดหวัง เพราะรัฐบาลคงไม่กล้าทำลายคะแนนเสียงของตัวเองในช่วงเลือกตั้ง แม้จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด) และปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาด





    เพราะจนถึงขณะนี้ โรงกลั่น และโรงสกัด ยังไม่ได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาล จนทำให้ขาดเงินทุนหมุนเวียน
ผลิตน้ำมันปาล์มขวด ทำให้น้ำมันปาล์มไม่หมุนเวียนในตลาดอย่างที่ควรจะเป็น

    ขณะที่การบริโภคของประชาชนมีจำกัด และการผลิตไบโอดีเซลบี 5 ก็ไม่สามารถดูดซับผลผลิตได้ทั้งหมด ที่สำคัญ ผู้ประกอบการไม่สามารถส่งออกได้ เพราะราคาต่างประเทศถูกกว่าในประเทศมาก ส่วนการจะหยุดรับซื้อจากชาวสวนก็ทำไม่ได้ เพราะเกรงรัฐบาลจะเล่นงานหนัก จึงเกิดภาวะน้ำมันปาล์มล้นตลาด และราคาดิ่งตามสูตร

   เมื่อต้นทุนการผลิตลดลง ราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มขวดก็จำเป็นต้องลดลงด้วยเช่นกัน จะคงราคาที่ขวดละ 47 บาทเพื่อประโยชน์อะไร และประโยชน์ใครกัน!! ขนาดห้างค้าปลีกยังขายแค่ขวดละ 44-44.50 บาทแล้ว

  จนถึงขณะนี้ กนป.ยังไม่มีการประชุมเพื่อพิจารณาปรับลดราคาแต่อย่างใด ทั้งที่กำหนดจะพิจารณาสถานการณ์น้ำมันปาล์มทุกๆ 15 วัน ซึ่งการคงราคาขายที่ 47 บาท มีคนไม่มีกลุ่มที่จะได้ประโยชน์ (คนที่คุณก็รู้ว่าใคร)

  แต่คนเสียประโยชน์คือ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ต้องทนกินของแพง แทนที่จะได้กินของถูกไปตั้งนานแล้ว





  “ฟันนี่เอส” ว่าทางที่ดีที่สุด ควรปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาดได้แล้ว เมื่อต้นทุนวัตถุดิบถูกลง ราคาสินค้าสำเร็จรูปก็ควรจะลดลงตาม ซึ่งไม่มีใครเสียประโยชน์แน่นอน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างยอมรับได้

  รัฐบาลจะมานั่งฝีนธรรมชาติ ด้วยการอุดหนุน ช่วยเหลือกันอย่างนี้ไปถึงไหน หรือว่ายังกอบโกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองไม่พอ แต่ใครจะตายก็ชั่งมันอย่างนั้นหรือ

  ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะหมดอำนาจวาสนาลงจริงๆ ขอให้สร้างประโยชน์เพื่อประชาชนอีกอย่างเถอะ  เพราะยุคนี้ใครๆ ก็บ่นหนาหูเหลือเกินว่า ข้าวของแพงมหาโหด ทั้งที่เป็นผู้ผลิตอาหารเลี้ยงชาวโลกแท้ๆ

                                                        
                                              ฟันนี่เอส


                                                                         26พค54

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น