วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โลกของความจลาจล





            โลกเราทุกวันนี้แทบหาความสงบสุขไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่ความวุ่นวาย ทั้งจากปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ ไปจนถึงจลาจล ที่เกิดขึ้นแทบทุกมุมโลก





            ที่ฮอตที่สุดตอนนี้หนีไม่พ้นปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่หนักหนาสาหัสจนสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ถึงขั้นลดอันดับความน่าเชื่อถือลงเหลือ AA+ จากเดิม AAA

เพราะแผนการลดขาดดุลงบประมาณ ไม่เพียงพอจะทำให้หนี้สาธารณะมีเสถียรภาพ และยังขู่ซ้ำว่า หากใน 2 ปีไม่สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ตามที่กำหนด ก็อาจถูกลดเครดิตลงอีกครั้ง สร้างความหวั่นวิตกเทขายหุ้นทั่วโลก รวมถึงทองคำ จนทำให้หุ้นทั่วโลกแดงทั้งกระดาน และค่าเงินทั่วโลกอ่อนค่าลงมาก ไม่เว้นกระทั่งค่าเงินบาท ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกระส่ำ เพราะล้วนพึ่งพาเศรษฐกิจพี่เบิ้มทั้งนั้น





การลดเครดิตของสหรัฐฯครั้งแรกในประวัติศาสตร์ กลายเป็นเรื่องที่น่าอับอายของรัฐบาล และนาย บารัก โอบามา ประธานาธิบดี !!





แต่นายโอบามา ไม่ยอมรับว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นจากการบริหารงานที่ผิดพลาด แต่กลับระบุว่า หนี้สินและการขาดดุลงบประมาณที่หนักหน่วง เป็นปัญหามาจากรัฐบาลที่แล้ว ประกอบกับ วิกฤตการคลังในยุโรปยิ่งซ้ำเติมให้ปัญหาของสหรัฐฯรุนแรงขึ้นไปอีก

ขณะที่หนี้สาธารณะยุโรปยังไม่สามารถแก้ไขได้ จนล่าสุดธนาคารกลางยุโรป ได้กระโดดเข้าซื้อพันธบัตรอิตาลี และสเปน เพื่อช่วยบรรเทาแรงกดดันต่อ 2 ประเทศ แต่นักวิเคราะห์ระบุว่า จะมีผลดีในระยะสั้นเท่านั้น ส่วนระยะยาวต้องมีมาตรการที่ดีกว่านี้ออกมาแก้ไข

ขณะเดียวกัน ในอังกฤษก็เกิดจลาจลทั่วกรุงลอนดอน แล้วลามไปเมืองใกล้เคียง ทั้งลิเวอร์พูล, เบอร์มิงแฮม และบริสตัล มีการปล้นร้านค้า เผาเมือง ตำรวจต้องเอารถหุ้มเกราะออกปราบ จนมีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต เหมือนเป็นเหตุการณ์ที่จำลองแบบมาจากในแอฟริกา และตะวันออกกลาง





แน่นอนว่า นอกจากจะทำลายขวัญของชาวอังกฤษแล้ว ยังกระชากขวัญ และทำลายความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ นักลงทุนต่างชาติในอังกฤษด้วย เพราะเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 1980 ที่มีการเผาบ้านเผาเมือง จากชนวนขัดแย้งด้านเชื้อชาติ ทั้งที่อังกฤษกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 2012

นอกจากนี้ ทั่วโลกยังต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติ ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม จนสร้างความเสียหายต่อสินค้าเกษตร ก่อให้เกิดความขาดแคลนอาหาร และราคาอาหารสูงขึ้นไปทุกหย่อมหญ้า

จากปัญหาของสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้สหรัฐฯต้องตัดลดงบประมาณรายจ่ายภาครัฐลง ส่วนภาคเอกชน และประชาชนต้องรัดเข็มขัดเช่นเดียวกับในยุโรป และยังมีปัญหาว่างงานตามมาอีก ซึ่งจะทำให้ความต้องการนำเข้าสินค้าลดลง และกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้ 

เฮ้อ! กว่าจะสิ้นปี ไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก แต่อยากให้คนไทยรวมพลังตั้งรับเรื่องเลวร้ายที่จะเข้ามาอย่างมีสติ อย่าตื่นตระหนก แล้วทุกเรื่องจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี


                             ฟันนี่เอส

                                       11 ส.ค.54

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น