ข่าวการเข้าซื้อกิจการบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด
ผู้ประกอบธุรกิจค้าส่ง “แม็คโคร” ของบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของร้านสะดวกซื้อ
“เซเว่น-อีเลฟเว่น” นั้น
สร้างความปลาบปลื้มยินดีให้กับผู้ถือหุ้นของแม็คโครไม่ใช่น้อย
เพราะช่วยดันให้ราคาหุ้นทะยานขึ้นไปได้หลายร้อยบาทในชั่วระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน!!
แต่เชื่อว่า ข่าวเดียวกันนี้
อาจทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีก ค้าส่งยักษ์ใหญ่ในไทย ที่เป็นคู่แข่ง อย่างห้างค้าปลีกเทสโก้
โลตัส และห้างบิ๊กซี ต้องหนักใจ เพราะการทำธุรกิจนับตั้งแต่นี้ไปจะลำบาก
และเข้าสู่ภาวะแข่งขันอย่างรุนแรงมากขึ้นอีก
จากปัจจุบันนี้ การทำธุรกิจของห้าค้าปลีกขนาดใหญ่
ทั้งห้างเทสโก้ โลตัส หรือห้างบิ๊กซี ไม่ได้แข่งขันกับร้านสะดวกซื้อ
และห้างแม็คโคร โดยตรง เพราะห้างค้าปลีก จะเน้นขายปลีก แต่แม็คโคร
จะขายส่งเป็นหลัก ขณะที่ร้านสะดวกซื้อ เน้นความสะดวกของลูกค้า ที่เปิดตลอด 24
ชั่วโมง และราคาสูงกว่าห้างค้าปลีก-ค้าส่ง
แต่การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีออลล์ ระบุว่า
ถือเป็นการเสริมทัพการทำธุรกิจการค้าปลีกค้าส่งของซีพีออลล์ให้แข็งแกร่งมากขึ้น
และใช้ช่องทางของแม็คโคร กระจายสินค้าไทยไปสู่ผู้บริโภคในอาเซียน
ที่สำคัญ ยังเป็นการผนึกกำลังแสวงหาสินค้าและบริการใหม่ๆ
และหลากหลาย มาอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค
และการได้ประโยชน์จากการประหยัดเชิงขนาด (Economy of Scale)
ซึ่งจุดนี้ จะทำให้สินค้าของซีพีออลล์
มีความหลากหลายมากขึ้น ราคาถูกมากขึ้น และกระจายไปสู่ผู้บริโภคอย่างทั่วถึง
ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น เพราะนอกจากจะมีร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น เกือบ 7,000 สาขาทั่วประเทศแล้ว ยังมีสาขาของห้างแม็คโครอีกเกือบ
50 สาขาทั่วประเทศ
และเชื่อแน่ว่า
ผู้บริโภคจะได้เห็นผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง
แข่งขันกันจัดรายการส่งเสริมการขาย หรือจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้ากันมากขึ้นแน่นอน
นอกจากนี้ การรวมกันในครั้งนี้
ยังทำให้ยอดขายของเซเว่น-อีเลฟเว่น ที่ 159,000 ล้านบาท และของแม็คโคร ที่ประมาณ 98,623 ล้านบาท รวมกันแล้วอยู่ที่ 48.92% ของยอดขายรวมในธุรกิจ ขณะที่ เทสโก้ โลตัส มี 148,000 ล้านบาท และบิ๊กซี 121,000 ล้านบาท
ซึ่งมีผลทำให้ทั้ง 3 รายคือ เซเล่น-อีเลฟเว่น
รวมกับห้างแม็คโคร, ห้างเทสโก้
โลตัส และห้างบิ๊กซี กลายเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด
ตามเงื่อนไขของพ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 ที่กำหนดผู้ประกอบการ 3
รายแรกมีส่วนแบ่งตลาดเกิน 75% และมียอดขายเกิน 1,000 ล้านบาท
กรมการค้าภายใน ในฐานะเลขาคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า
คงต้องเตรียมจับตาพฤติกรรมแข่งขันทางการค้าของเซเว่นฯ และแม็คโครอย่างใกล้ชิด หากใช้ความเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดทำธุรกิจเอาเปรียบคู่แข่ง
จนเกิดความเสียหายทางธุรกิจ
เช่น
กำหนดราคาซื้อหรือขายสินค้าหรือค่าบริการอย่างไม่เป็นธรรม, บังคับขายพ่วงสินค้า, จำกัดการเข้าสู่ตลาดของธุรกิจอื่น เป็นต้น
จะมีความผิดตามกฎหมาย และจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 ล้านบาท
หรือทั้งจำและปรับ
แต่ตราบใดที่ยังไม่ทำธุรกิจเอาเปรียบคนอื่น
หรือทำให้คู่แข่งล้มหายตายจากธุรกิจ ก็ยังสามารถทำธุรกิจไปตามปกติ
ไม่ถือว่ามีความผิดอะไร กระทรวงพาณิชย์พียงแค่ส่งสัญญาณเตือนเท่านั้น!!
ฟันนี่เอส
25 เม.ย.56
คนเขียนเก่งมากเลยอะ วิเคราะห์เจาะลึกอย่างเฉียบขาดอะ
ตอบลบ