ไม่ว่าใครจะวิพากษ์วิจารณ์โครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลในทางเสียหายอย่างไร
รัฐบาลก็ยังเดินหน้าดันโครงการประชานิยมนี้อย่างสุดลิ่ม
แบบไม่แคร์เสียงนกเสียงกาเหล่านั้น!!
เพื่อหวังเป้าหมายสูงสุดคือ ทำให้เกษตรกร ขายข้าวได้ในราคาสูงขึ้น
สามารถปลดหนี้สินได้ และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ล่าสุด คณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.
ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบกรอบวงเงินและมาตรการการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต
55/56 ครั้งที่ 2 หรือโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 56 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
โดยมีเป้าหมายรับจำนำข้าวเปลือก 7 ล้านตัน
ลดลงจากที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประมาณการผลผลิตไว้เบื้องต้น 9.167 ล้านตัน เพราะบางส่วนเสียหายจากภัยแล้ง รวมวงเงินที่จะใช้ 105,000 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ในกรอบวงเงินเดิมที่ครม.ได้อนุมัติไว้ที่ 410,000 ล้านบาท
แต่เพื่อป้องกันการนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าร่วมโครงการรับจำนำโดยใช้สิทธิเกษตรกรไทย
และป้องกันการทุจริตให้รัดกุมยิ่งขึ้น ครม.ได้กำหนดเงื่อนไขอื่นๆ เพิ่มเติมอีก
เช่น เกษตรกรแต่ละรายจำนำข้าวเปลือกได้ปีละไม่เกิน 2 ครั้ง/แปลง/ ราย
หากนำข้าวเปลือกเข้าร่วมโครงการสูงกว่าผลผลิตเฉลี่ยที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้
ให้ปรับเพิ่มได้อีกไม่เกิน 20% ที่ความชื้น 15%
ที่สำคัญ ไม่ให้เกษตรกรนำข้าวเปลือกที่มีอายุน้อยกว่า 110 วัน 18 สายพันธุ์ มาจำนำ
และกำหนดให้เฉพาะเกษตรกรเท่านั้นที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ ไม่ให้กลุ่มเกษตรกร
หรือสหกรณ์เป็นผู้รวบรวมข้าวจากเกษตรกรแล้วนำมาจำนำแทน
ส่วนระยะเวลารับจำนำ
โดยปกติแล้ว จะเริ่มวันที่ 1 เม.ย.-15ก.ย.56
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกรอบแรกที่สิ้นสุดวันที่ 31
มี.ค.ที่ผ่านมา แต่คราวนี้ ครม.ได้อนุมัติย้อนหลังให้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-15
ก.ย.56
เพราะปัจจุบัน
วงรอบการเพาะปลูกข้าวเปลือกนาปรังเปลี่ยนแปลงไปแล้ว บางพื้นที่ที่มีระบบชลประทานดี
จะเริ่มเพาะปลูกเร็ว และเพาะปลูกได้ตลอดปี
จึงทำให้มีข้าวเข้าโครงการเร็วกว่าพื้นที่อื่น
แต่ไม่ต้องห่วงจะเกิดทุจริต
หรือเกษตรกรรายเดียวกัน ใช้สิทธิ์หลายครั้ง เพราะได้จัดทำระบบป้องกันไว้แล้ว
โดยประทับตราที่ใบประทวนว่า เป็นการใช้สิทธิ์รอบใด ซึ่งรัฐบาลยอมให้ 1 ราย
ใช้สิทธิ์จำนำได้ไม่เกิน 2 รอบเท่านั้น
ดังนั้น เกษตรกรรายใด ที่ใช้สิทธิ์รับจำนำรอบ 2 แล้วตั้งแต่วันที่
1 ก.พ.ที่ผ่านมา และได้แต่ใบประทวน ยังไม่ได้รับเงิน เมื่อครม.อนุมัติแล้ว
ก็สามารถนำใบประทวนไปขึ้นเงินได้ทันที
สำหรับงบประมาณ
ที่หลายฝ่ายเกรงไม่เพียงพอ ได้รับการยืนยันจาก “นางวัชรี วิมุกตายน”
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ว่า มีเพียงพอแน่นอน
เพราะกระทรวงฯได้คืนเงินจากการขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลให้กระทรวงการคลังแล้ว
และจนถึงสิ้นเดือนก.ย.นี้ จะมีเงินส่งคืนได้ 180,000
ล้านบาทตามแผน
การรับจำนำ
2 ปีที่ผ่ามา ชาวนาลืมตาอ้าปากได้ และได้เงินไปเต็มๆ 2 แสนล้านบาท
เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 3-4 รอบ ช่วยให้จีดีพีประเทศขยายตัวได้มาก” นางวัชรีกล่าวทิ้งท้าย
มาถึงตรงนี้ คงไม่ต้องพูดอะไรมากแล้วสำหรับโครงการรับจำนำข้าว
เพราะไม่ว่าจะอย่างไร รัฐบาลไม่เลิกแน่นอน แต่ขอให้ติดตามละกันว่า
สุดท้ายผลประโยชน์จะตกอยู่ที่เกษตรกรจริงอย่างว่าหรือเปล่า!!
ฟันนี่เอส
4 เม.ย.56
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น