ไม่น่าเชื่อ! นโยบายแจกแท็บเล็ตให้นักเรียนประถมศึกษาปีที่
1 ของรัฐบาล หรือโครงการ One Tablet PC Per Child ภายใต้แนวคิด
“เติมปัญญาด้วยเทคโนโลยี” ที่ถูกโจมตีอย่างมาก จะได้รับการสนับสนุน และชื่นชมจากองค์การการศึกษา
วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก
โดยในการประชุมรัฐมนตรีเอเชียแปซิฟิกด้านไอซีทีในการพัฒนาการศึกษา
(AMFIE) ประจำปี 2555 ในหัวข้อ “พลังของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีต่อนโยบายการศึกษา-การประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานด้านการศึกษา" จัดโดยยูเนสโก กรุงเทพฯ
ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International
Telecommunication Union : ITU) เมื่อวันก่อน
ผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก นางอิรินา จอร์จิเอวา
โบโควา ถึงกับออกปากยกย่องรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า โครงการแจกแท็บเล็ตให้เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาของรัฐบาลไทยไม่ต่างอะไรกับ
“การปฏิวัติวงการศึกษา”
เพราะปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอซีที)
เป็นสิ่งจำเป็นมาก ไม่ได้สำคัญเฉพาะแต่ครูและเด็กเท่านั้น แต่รวมถึงคนในครอบครัวด้วย
ดังนั้น แท็บเล็ตจึงไม่ควรใช้เฉพาะด้านการศึกษา แต่ควรครอบคลุมองค์ความรู้ในเรื่องการประกอบอาชีพด้วย
สำคัญ โครงการดังกล่าว
ยังสอดคล้องกับแนวทางของยูเนสโก ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการนำไอซีทีมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษา
แต่ไทยต้องพัฒนาศักยภาพของครูในท้องถิ่น และสื่อดิจิตอลโดยเร็วด้วย ขณะเดียวกัน
ยูเนสโกพร้อมจะศึกษาความเป็นไปได้ที่จะนำโครงการนี้ไปเป็นแม่แบบประยุกต์ใช้กับประเทศต่างๆ
ทั่วโลกต่อไป
”ฟันนี่เอส” ฟังแล้วก็อดดีใจ และยิ้มหวานไปกับรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ เพราะคำชื่นชมนี้ไม่ใช่ของคนไทย
ที่มีแต่ติเตียนนโยบายรัฐบาลไปซะทุกเรื่อง
แต่เป็นคำชื่นชมยินดีจากองค์กรระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียง
แต่ก็ไม่อยากให้รัฐบาลหลงระเริงกับคำชม
จนลืมปรับปรุง และพัฒนาโครงการให้ดีขึ้น โดยเฉพาะคุณภาพ หรือสเปกต์ของแท็บเล็ต
และเนื้อหาสาระที่ต้องการให้เด็กๆ ได้ศึกษาเล่าเรียน
เพราะเพิ่งจะแจกแท็บเล็ตได้ไม่นาน มีการแฉสารพัดปัญหากันแล้ว
เช่น ไม่มีระบบตัดไฟ ภายหลังการชาร์จแบตเตอรี่เต็มแล้ว ซึ่งจะทำให้เครื่องรีชาร์จไปเรื่อยๆ
จนเครื่องเสื่อมคุณภาพเร็ว และยังอาจเกิดไฟดูดผู้ใช้ได้
เพราะตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมนำไฟฟ้า
หรือบางเครื่องแบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้เพียง
1 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งที่ตามสเปกต์แล้วต้องใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 6 ชั่วโมง
ไม่มีรับการรับรองทางการแพทย์เรื่องการแผ่รังสี ที่จะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ หรือ บริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก
ดีเวลลอปเมนต์ ผู้ผลิตมั่วแปลคำเตือนเป็นภาษาไทยอย่างผิดๆ
อ่านไม่ได้ความหมาย
สิ่งเหล่านี้ไม่รู้ว่าเกิดจากบริษัทผู้ผลิตมั่วนิ่มทำไม่ได้ตามสเปกต์เอง
หรือว่าเงินค่าจ้างผลิตไม่ถึง เพราะมีการกินหัวคิว หรือเรียกรับเงินใต้โต๊ะกันแน่!!
ถ้าเป็นเหตุผลแรกก็ต้องเข้มงวดกวดขันบริษัท
ผลิตให้ตรงสเปกต์ ถ้าไม่ได้ต้องเล่นไม้แข็งเลิกว่าจ้างกันไป แต่ถ้าเป็นเหตุผลหลัง
นายกรัฐมนตรีต้องเล่นงานคนผิดให้หนัก อย่าให้เสียชื่อโครงการดีๆ แบบนี้เลย
ฟันนี่เอส
13 ก.ย. 55
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น