ดูท่าว่า
“นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” รมช.พาณิชย์ จะเอาจริงเอากับการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของร้าน
“โชห่วย” หรือร้านขายของชำเล็กๆ ที่บริหารงานกันเองภายในครอบครัว และสืบทอดกิจการกันยันลูกหลาน
ให้กลายเป็นร้าน
“โชว์สวย” เพื่อให้มีความเข้มแข็ง และมีศักยภาพในการแข่งขันกับร้านสะดวกซื้อ
หรือห้างค้าปลีกสมัยใหม่ได้อย่างยั่งยืน
ไม่ต้องล้มหายตายจากไปจำนวนมากเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว
และที่สำคัญ
ชื่อที่เปลี่ยนใหม่นี้ ยังเพิ่มความเป็นศิริมงคล ให้กับร้านค้า เพราะแม้ชื่อเดิมที่เป็นภาษาจีน
จะไม่ได้แปลว่า “โชว์ความห่วย” แต่เมื่อฟังเสียงภาษาไทยแล้ว ตีความหมายไม่ต่างกันเลยสักนิด
ล่าสุด
ได้แต่งตั้งคณะทำงาน โดยมี นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
เป็นประธาน ร่วมกับตัวแทนจากสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย ตัวแทนจากสหกรณ์ ฯลฯ
เพื่อกำหนดรูปแบบการพัฒนา
การสนับสนุนจากภาครัฐ และบริหารจัดการร้านโชห่วยเดิม ที่มีกว่า 400,000
รายทั่วประเทศในปัจจุบัน ให้มีความทันสมัย สะอาด จัดวางสินค้าให้เป็นหมวดหมู่
เลือกซื้อได้ง่าย มีระบบบัญชีที่ถูกต้อง โปร่งใส และบริหารงานแบบมืออาชีพ
ซึ่งขณะนี้
ได้กำหนดรูปแบบ (โมเดล) ร้านโชว์สวยแล้ว 2
ขนาดตามพื้นที่ คือ พื้นที่
5 ตารางเมตร (ตร.ม.) และพื้นที่ 10 ตร.ม. จากนั้นจะเข้าไปฝึกอบรมผู้ประกอบการให้มีการบริหารจัดการที่ดี
ประสานผู้ผลิต
และสหกรณ์ให้เข้ามามีส่วนช่วยในการสนับสนุนสินค้าราคาถูกให้
รวมถึงจะหารือกับสถาบันการเงินให้สนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการ
และจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จัดทำแคมเปญผลักดันให้ประชาชนยอมรับร้านโชว์สวยให้มากขึ้น
พร้อมกับยืนยันว่า
การสนับสนุนในการปรับปรุงร้านโชว์สวยของภาครัฐนี้ ไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการร้านถูกใจ
เพราะร้านถูกใจ ที่ขายสินค้าราคาถูกนั้น กำลังจะหมดโครงการในสิ้นเดือนมี.ค.นี้แล้ว
จากนั้นยังไม่รู้ว่า โครงการจะเดินหน้าต่อหรือไม่ เพราะรัฐบาลไม่ได้ให้งบสนับสนุนอีกแล้ว
แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากประชาชนในชุมชนต่างๆ อยากให้รัฐเดินหน้าโครง การต่อไป
“ฟันนี่เอส” เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวของ
รมช.ณัฐวุฒิ เพราะในปัจจุบัน แทบจะไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริม
หรือสนับสนุนร้านโชห่วย
ให้ยืนหยัดลุกขึ้นต่อสู้กับธุรกิจค้าปลีกข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยอย่างไม่หยุดยั้งนี้ได้เลย
จนทำให้ร้านโชห่วย ที่แต่เดิมมีหลายแสนแห่งทั่วประเทศ ต้องปิดกิจการไปจำนวนมาก
แม้กระทรวงพาณิชย์มีความพยายามมาหลายปีในการออกพ.ร.บ.ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง
เพื่อดูแลการขยายสาขาของห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่สัญชาตินอก
ไม่ให้เข้ามากินรวบกิจการค้าปลีกค้าส่งในไทย แต่จนแล้วจนรอดกฎหมายดังกล่าวก็
“แท้ง” อย่างน่าเสียดายหลายครั้งหลายคราว
เพราะมีแรงล้มคว่ำกฎหมายจาก “คนไทยหัวใจนอก”
เพียงไม่กี่หยิบมือ ที่ไม่ต้องการให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ เพราะอาจทำให้แหล่ง
“อู่ข้าวอู่น้ำ” ของคนเหล่านั้นต้องลดน้อยถอยลงไป
ตอนนี้ ขออย่างเดียว
ให้โครงการเดินหน้าอย่างจริงจัง ไม่ใช่เป็นม้าตีนต้น พอจุดพลุติดแล้ว
อีกเดี๋ยวคนลืมก็เลิกทำ ถ้าทำได้จริง รัฐบาลคงได้เสียงเชียร์จากโชห่วยอีกมากโข
อีกอย่าง กระทรวงพาณิชย์ยุคนี้มีแต่เรื่องฉาว มีเรื่องดีๆ บ้างคงจะดีไม่น้อย
ฟันนี่เอส
14 มี.ค.56
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น