ตอนนี้ เชื่อเหลือเกินว่าแทบจะทุกหย่อมหญ้าในประเทศไทย ตื่นตัวเรื่องการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community : AEC) ของประเทศไทย
และประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนกันมากขึ้น
โดยเฉพาะผู้ประกอบการของไทย น่าจะสร้างจุดเด่น และปิดจุดด้อย
หรือเร่งเสริมสร้างศักยภาพด้านการผลิต และการแข่งขันอย่างเต็มที่
เพื่อให้พร้อมรับกับการแข่งขันที่จะทวีความรุนแรงขึ้นภายหลังการเป็น AEC
เนื่องจากจะมีการเปิดเสรีด้านการค้าสินค้า
การค้าบริการ การลงทุน การเคลื่อนย้ายเงินทุน และแรงงานอย่างเสรี
ซึ่งจะทำให้การทำมาค้าขายระหว่างอาเซียนคล่องตัวมากขึ้น
แต่ภายใต้การนำเข้าสินค้าอย่างเสรี
ก็นำมาซึ่งความหวาดวิตก และความกังวล ทั้งของผู้ผลิตสินค้าของไทย และผู้บริโภค
เพราะอาจมีการนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน
สินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของผู้บริโภค หรือนำเข้ามาอย่างไร้ขีดจำกัด
จนกระทบต่อผู้ผลิตได้
กรมการค้าต่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ จึงได้ออกประกาศจัดระเบียบการนำเข้าสินค้า 6 รายการ ได้แก่ มันสำปะหลัง หอมแดง ส้ม เครื่องในสุกร
ยางรถยนต์ใหม่ และเครื่องใช้ไฟฟ้า (พัดลม หม้อหุงข้าว และหลอดไฟ)
เพื่อรองรับการเป็น
AEC และเพื่อดูแลเกษตรกร
ผู้ประกอบการในประเทศ ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าที่มากเกินไป
รวมถึงดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภคด้วย
โดยสาเหตุที่เลือกทั้ง 6
ชนิดนี้มาจัดระเบียบการนำเข้าก่อน
เพราะกรมฯได้ประเมินแล้วว่าน่าจะมีปัญหาการนำเข้ามากที่สุด
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัจจุบันมีการนำเข้าจำนวนมากอยู่แล้ว
และอีกส่วนมีการลักลอบนำเข้ามาบ้างตามแนวชายแดน เพื่อสวมสิทธิ์เกษตรกรไทยเข้าโครงการรับจำนำของรัฐบาล
ส่งผลให้เกษตรกรไทยเสียสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการ
สำหรับมาตรการที่ใช้ดูแล กำหนดให้ผู้นำเข้าต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเข้าต่อกรมฯ
ต้องมีหนังสือรับรองสุขอนามัย หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า หนังสือรับรองมาตรฐาน
และต้องเก็บในสถานที่เก็บแยกต่างหากจากสินค้าปกติ ต้องรายงานการนำเข้า การครอบครอง
การส่งออก สถานที่เก็บ การจำหน่ายจ่ายโอน ปริมาณคงเหลือ เป็นประจำทุกเดือน
แต่หากยังมีข้อสงสัย
สามารถดูรายละเอียดประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ
พร้อมทั้งหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการนำเข้าเพิ่มเติมได้ที่ website: www.dft.go.th
มาตรการเหล่านี้
ไม่ได้เพิ่มภาระในการทำธุรกิจให้กับผู้ประกอบการเลย
แต่ทำให้กรมฯติดตามดูแลการนำเข้าได้ว่า ใคร จะนำเข้าสินค้าใด เมื่อไร เพื่อประโยชน์อะไร
มีสต๊อกสิเท่าไร เก็บไว้ที่ไหน ฯลฯ จากก่อนหน้านี้ ไม่ทราบข้อมูลเหล่านี้เลย
ซึ่งนอกจากจะป้องกันการนำเข้ามาสวมสิทธิในโครงการรับจำนำแล้ว
ยังช่วยไม่ให้เกษตรกรเสียประโยชน์ และไม่ให้ผู้บริโภคเดือดร้อนด้วย
ได้แต่หวังว่า การดำเนินการดังกล่าว
จะเกิดประโยชน์กับทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และเกษตรกร
อย่างแท้จริงอย่างที่กรมฯหวังไว้ เพราะคนไทยจะได้กิน ได้ใช้สินค้าดีๆ ไม่อันตราย
และเกษตรกรจะได้ไม่ถูก “ผี” สวมสิทธิ์อย่างที่เป็นอยู่
ฟันนี่เอส
31 ม.ค. 56
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น