เป็นงง!
ที่จู่ๆ “นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ยอมรับว่า
รัฐบาล “โกหก” มาโดยตลอดเรื่องเป้าหมายขยายตัวมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในปีนี้
ที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าขยายตัวได้มากถึง 15% จากปีก่อน มูลค่า 263,000
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มิหนำซ้ำ ยังยอมรับอีกว่า ได้หดเป้าหมายเหลือโตแค่ 9% เท่านั้น!!
โดยเหตุผลที่ต้อง “โกหกสีขาว” (White Lies) เพราะกระตุ้นการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ
และภาคเอกชน ให้มีแรงฮึดเร่งผลักดันส่งออกให้ได้มากที่สุด
และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติว่า
ภาคส่งออกของไทยยังขยายตัวเป็นบวกได้ในอัตราสูง แม้เศรษฐกิจโลกจะมีปัญหาสารพัด
และไทยเพิ่งผ่านพ้นช่วงน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีก่อน
เหตุผลฟังดูดีมาก
เพราะทำให้กรมส่งเสริมการส่งออก ทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ
เร่งหาแผนผลักดันการส่งออกเต็มที่ แก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรค
และหาวิธีอำนวยความสะดวกให้ผู้ส่งออก
ขณะที่ภาคเอกชน
ก็เร่งโหมส่งออกแบบไม่ลืมหูลืมตา จนมูลค่าในช่วง 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) 55 ได้แล้วกว่า 110,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ยังติดลบเล็กน้อย
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ถ้าพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
แล้ว ก็เห็นจะจริงที่มูลค่าส่งออกปีนี้จะพลาดเป้า เพราะเศรษฐกิจตลาดหลักชะลอลงมาก
ทั้งสหภาพยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น โดยเฉพาะยุโรป
ที่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะได้ และยังลุกลามมากขึ้น
จนโหรเศรษฐกิจหลายสำนักคาดว่า เศรษฐกิจยุโรปจะชะลอลงอีก 3-5 ปี
รวมถึงตลาดส่งออกที่มีศักยภาพของไทย อย่างจีน
หรืออินเดีย ที่พึ่งพาการส่งออกไปทั้ง 3 ตลาดหลักมากจนทำให้การส่งออกมีปัญหา และนำเข้าวัตถุดิบจากไทยลดลง
ขณะที่ผู้ส่งออกไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันจากคู่แข่งมากขึ้น
เพราะประเทศผู้ส่งออกทุกประเทศมุ่งหน้าไปตลาดใหม่ๆ เช่นเดียวกับไทย
ทดแทนการส่งออกไปตลาดหลักที่ถดถอย
แต่เกิดคำถามในกระทรวงพาณิชย์
รวมทั้งในหมู่ผู้ส่งออกว่า เหตุใด “นายกิตติรัตน์” จึงออกมายอมรับในตอนนี้
ทั้งๆ ที่เป้าหมาย 15%
ตนเป็นคนกำหนดเองในสมัยนั่งรองนายกรัฐมนตรีควบรมว.พาณิชย์ และคนพาณิชย์ไม่เห็นด้วย
เพราะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อฝ่ายนโยบายต้องการ
ฝ่ายปฏิบัติต้องก้มหน้าทำงานเต็มที่ และร่วม “โกหกสีขาว” ไปด้วยกัน
ไม่รู้ใครจะได้ประโยชน์จากการยอมรับความจริงครั้งนี้
การที่ทุกคนรู้ว่า การส่งออกพลาดเป้าแล้วยังไงต่อ ใครๆ
จะได้เลิกกดดันรัฐบาลอย่างนั้นหรือ? หรือการยอมรับแบบนี้เพราะ “นายกิตติรัตน์” รับไม่ได้
ถ้าท้ายที่สุดพลาดเป้าจริง แล้วนักลงทุน และผู้ส่งออก จะรุมประณามว่า “รัฐบาลไร้ฝีมือทำงาน”
หรือเพราะต้องการคำชมในความเป็น
“ลูกผู้ชาย” ที่กล้ายอมรับความจริง
ทั้งที่กระทรวงพาณิชย์ (น้ำท่วมปาก) ยืนกระต่ายขาเดียวตามฝ่ายนโยบายมาตั้งแต่ต้น
เหมือน “ฆ่า” กันเองกลางสนามรบ
ทำให้ตัวเองดูดี แต่คนอื่นเป็นคนโกหกอย่างนั้นหรือ?
อย่างนี้แล้วความน่าเชื่อถือในตัวบุคคลระดับรองนายกรัฐมนตรี
รมว.คลัง และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลยังมีอยู่หรือเปล่า ช่วยตอบทีเถอะ!
ฟันนี่เอส
30 ส.ค.55