ขณะนี้
เกษตรกรของสหรัฐฯกำลังถูกภัยแล้งคุกคามอย่างหนัก
และกินวงกว้างมากกว่าครึ่งหนึ่งประเทศแล้ว
ไล่ตั้งแต่ภาคตะวันตกไปจนเกือบจะถึงตะวันออกของประเทศ
และตั้งแต่ภาคใต้ขึ้นไปจนเกือบจรดภาคเหนือ ถือเป็นภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในรอบ 25
ปี
จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ นครนิวยอร์ก ได้รายงานว่า ล่าสุด กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้ประกาศให้พื้นที่ 1,369
เขตใน 31 รัฐ เป็นเขตวิกฤติภัยธรรมชาติ
และในจำนวนนี้เป็นพื้นที่วิกฤติภัยแล้งมากถึงเกือบ 1,320 เขต
โดยตั้งแต่เดือนก.ค.
55 เป็นต้นมา ฟาร์มปศุสัตว์ในสหรัฐฯ 62% ประสบปัญหาภัยแล้งแล้ว แบ่งเป็น 29%
อยู่ในเขตพื้นที่ภัยแล้งระดับกลาง, 24%
อยู่ในเขตภัยแล้งรุนแรง และอีก 9% อยู่ในเขตภัยแล้งรุนแรงสูงสุด
สร้างความเสียหายต่อภาคเกษตร และปศุสัตว์อย่างหนักหนาสาหัส
โดยเฉพาะการเพาะปลูกข้าวโพด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง รวมถึงการเลี้ยงวัว หมู
สัตว์ปีก และผลิตภัณฑ์ อย่างนมวัว ซีเรียล แป้ง
เพราะในเดือนก.ค. ผลผลิตข้าวโพด
และพืชอื่นๆ ของสหรัฐฯเริ่มออกผล และบางส่วนใกล้เก็บเกี่ยว แต่กลับเสียหายจำนวนมาก
ซึ่งประมาณ 2 ใน 3 ของพืชเกษตร และ 2 ใน 3
ของปศุสัตว์เป็นผลผลิตในพื้นที่ที่กำลังประสบภัยแล้งในระดับกลาง
ส่วน 44% ของผลผลิตเนื้อสัตว์ และ 40%
ของผลผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองอยู่ในเขตภัยแล้งรุนแรง จึงเลี่ยงไม่ได้เลย
ที่ราคาพืชผล รวมถึงราคาอาหารสัตว์ ราคาเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จะขยับสูงขึ้น
ล่าสุดราคาข้าวโพด
และถั่วเหลืองในสหรัฐฯได้ปรับตัวขึ้นแล้ว ส่วนราคาเนื้อหมู เนื้อวัว สัตว์ปีก
และผลิตภัณฑ์นม โดยเฉพาะน้ำนมสด คาดจะปรับขึ้นในอีก 2 เดือน
ขณะที่อาหารแปรรูปจากข้าวโพด เช่น ซีเรียล แป้ง ราคาจะขยับขึ้นในอีก 10-12 เดือน
ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
แน่นอนว่า
ผลกระทบเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐฯเท่านั้น แต่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
รวมทั้งไทย ที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพืชทั้ง 2 ชนิดจากสหรัฐฯจำนวนมากในแต่ละปี
จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
เนื่องจากสหรัฐฯเป็นผู้ส่งออกข้าวโพด
และถั่วเหลือง รายใหญ่ของโลก และราคาสินค้าดังกล่าวของสหรัฐฯยังเป็นราคาอ้างอิงที่ใช้ซื้อขายไปทั่วโลก
ดังนั้น ในเร็วๆ นี้
คนไทยจะได้เห็นราคาอาหารสัตว์ ที่ใช้ทั้งข้าวโพด ถั่วเหลือง และกากถั่วเหลือง
เป็นวัตถุดิบหลัก ต้องปรับขึ้นตามราคาตลาดโลก
ซึ่งจะมีผลให้ราคาเนื้อสัตว์ต้องปรับขึ้นตามเป็นลูกโซ่
สอดคล้องกับความเห็นของสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย
ที่ระบุว่า ขณะนี้ราคาถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นแล้ว 50% ส่วนข้าวโพดเพิ่มแล้ว 20%
ถ้าในอีก 2-3 เดือนราคายังสูงต่อเนื่อง คาดว่าในเดือนต.ค.นี้
ผู้ผลิตและผู้ค้าอาหารสัตว์จะปรับขึ้นราคาขายอย่างแน่นอน
เฮ้อ! เกิดเป็นคนไทยเหนื่อยแสนเหนื่อย
ข้าวของในประเทศแพงยังไม่พอ
ยังจะต้องก้มหน้ารับกรรมที่เกิดขึ้นจากปัญหาของประเทศอื่นอีก
เห็นทีคนไทยคงต้องกินของแพงกันต่ออย่างไม่รู้จบแน่ๆ
ถ้าไม่เชื่อลองถามกระทรวงพาณิชย์ดูก็ได้
ฟันนี่เอส
2 ส.ค. 55
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น