ช่วงนี้นอกจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
กระทรวงพาณิชย์จะวุ่นวายกับการพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้พร้อมแข่งขันกับนักธุรกิจต่างชาติ
ภายหลังการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58 แล้ว
ยังกำลังง่วนกับการตรวจสอบการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในประเทศไทย
ตามพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวพ.ศ.2542 เพื่อตรวจสอบว่า
ต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจในไทย ตามประเภทธุรกิจที่กำหนดในพ.ร.บ.ดังกล่าว ได้ขออนุญาตดำเนินการถูกต้องหรือไม่
มีชาวต่างชาติให้คนไทยเป็น “นอมินี” หรือให้คนไทยกระทำการแทน เช่น ถือหุ้นแทน
หรือสมรู้ร่วมคิดทำธุรกิจโดยไม่ขออนุญาต ในธุรกิจที่จะต้องขออนุญาต หรือไม่ เพราะนอกจากจะเป็นการผิดกฎหมายแล้ว ยังถือเป็นการตักตวงผลประโยชน์จากทรัพย์สมบัติของคนไทยเข้ากระเป๋าต่างชาติอย่างไม่ถูกต้อง
ขณะนี้ มีนิติบุคคลในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดราว
27,000 ราย เพราะเป็นธุรกิจที่ต้องขออนุญาตประกอบธุรกิจในไทยตามพ.ร.บ.ดังกล่าว
และมีต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 49% เช่น
ธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจเกษตร เป็นต้น
ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบข้อมูลเอกสารการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งเป็นการตรวจสอบการถือหุ้นชั้นเดียวอย่างตรงไปตรงมา
ยังไม่พบนอมินี เพราะชาวต่างชาติเหล่านี้เลี่ยงกฎหมายด้วยการถือหุ้นไขว้กันไปมาหลายชั้นในหลายบริษัท
จนการตรวจสอบเพียงข้อมูลเอกสารไม่สามารถตรวจสอบได้เลยว่า บริษัทนั้นๆ มีนอมินี
และเป็นบริษัทต่างด้าวหรือไม่
ส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ยังสามารถทำธุรกิจที่ต้องขออนุญาตโดยไม่ต้องขออนุญาต
หรือทำธุรกิจต้องห้ามได้อย่างลอยนวล ส่งผลให้ธุรกิจคนไทยเสียเปรียบ
จากการไม่พร้อมแข่งขัน ทั้งด้านเงินทุน และเทคโนโลยี จนในที่สุดอาจล้มหายตายจากได้
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด
กรมฯอยู่ระหว่างกำหนดแนวทางการตรวจสอบนอมินี ให้สามารถตรวจสอบในเชิงลึกได้มากขึ้น เพื่อป้องกันต่างชาติเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ของประเทศ
และเตรียมพร้อมรับมือการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
(เออีซี) ในปี 58 ที่จะมีการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนโดยเสรี ที่ส่งผลให้นักลงทุนจากทั้งในอาเซียน
(อาเซียนแท้) และประเทศนอกอาเซียน แต่ไปลงทุนในสมาชิกอาเซียน และได้สัญชาติอาเซียน
(อาเซียนเทียม) เข้ามาลงทุนในไทยอย่างง่ายดาย
โดยแนวทางการตรวจสอบจะลงลึกไปถึงสิทธิออกเสียงของคนต่างด้าว
การมีอิทธิพลครอบงำในบริษัท การจ่ายเงินปันผล หากต่างด้าวที่ถือหุ้นน้อยกว่าคนไทย
แต่มีสิทธิออกเสียง มีอำนาจครอบงำ หรือได้เงินปันผลมากกว่าคนไทย ก็เข้าข่ายเป็นนอมินี
และเป็นบริษัทต่างด้าว เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังจะใช้แนวทางปฏิบัติการปฏิเสธให้สิทธิประโยชน์แก่นิติบุคคลสัญชาตินอกอาเซียน
ภายใต้กรอบความตกลงด้านบริการอาเซียน โดยหากขาดคุณสมบัติ เช่น ไม่ได้เป็นนิติบุคคลจัดตั้งตามกฎหมายอาเซียน
หรือทำธุรกิจในอาเซียนน้อยกว่า 5 ก็จะปฏิเสธไม่ให้ได้สิทธิประโยชน์เข้ามาลงทุน
แค่เพียงมีข่าวว่า
กรมฯขยับตัวจัดทำแนวทางตรวจสอบนอมินีแบบเจาะลึก บริษัทในกลุ่มเสี่ยงก็เริ่มปรับโครงสร้างการถือหุ้นใหม่แล้วให้ถูกต้อง
คนไทยก็ได้แต่หวังว่า
ในอนาคตต่างชาติจะไม่กอบโกยสมบัติของคนไทยแบบไร้สามัญสำนึกอีกแล้ว
ฟันนี่เอส
26 ก.ค. 55
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น