ได้อ่านรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจของยุโป
ที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี
ส่งมาให้กรมส่งเสริมการส่งออกแล้ว น่าเป็นกังวลสำหรับการส่งออกสินค้าไทยไปยุโรปมาก
เพราะนอกจากปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะ
และปัญหาเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่ได้ขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรป
(อียู) และนานาประเทศ อย่าง โปรตุเกส ไอร์แลนด์ กรีซ และสเปน ยังเป็นปัญหาหนัก
ที่ไม่สามารถแก้ไขได้
จนทำให้การส่งออกสินค้าไทยไปยุโรป
ลดลงตามกำลังซื้อที่หดตัวลงอย่างมากแล้ว!!
ยังมีหลายปัญหาที่ยุโรปจะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
เพราะอาจกลายเป็นชนวน ที่คอยซ้ำเติมปัญหาที่หนักหน่วงอยู่แล้ว ให้รุนแรง
และลุกลามบานปลายมากยิ่งขึ้น
โดยขณะนี้ยูโรโซน
เริ่มกังวลแล้วว่า อาจมีอีกหลายประเทศที่ต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงินต่อจากสเปน
เช่น ไซปรัส รวมถึงอิตาลี ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3
ในยูโรโซน
ขณะเดียวกัน กองทุนสภาพคล่องชั่วคราว หรือ
กองทุนรักษาเสถียรภาพทางการเงินของยุโรป (European Financial Stability Facility : EFSF) มีเงินอยู่ 440,000 ล้านยูโร (ประมาณ 17.5 ล้านล้านบาท)
เพื่อนำมาช่วยเหลือทางการเงินกับประเทศที่เกิดปัญหา ล่าสุดมีวงเงินเหลือเพียงแค่ 200,000 ล้านยูโรเท่านั้น (ประมาณ 8 ล้านล้านบาท) เท่านั้น
ส่วนกองทุนสภาพคล่องถาวร หรือ
กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (European Stability Mechanism : ESM) วงเงิน 500,000 ล้านยูโร (ประมาณ 20 ล้านล้านบาท) ยังไม่มีผลบังคับใช้
จนกว่าจะถึงเดือนก.ค.นี้
นอกจากนี้
ผู้นำยุโรปยังไม่มีความเด็ดขาดในการใช้มาตรการแก้ไขวิกฤติการณ์ครั้งนี้
หากที่ประชุมผู้นำยุโรป 28-29 มิ.ย.นี้
ยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน
ก็อาจทำให้ตลาดเงินผันผวนมากยิ่งขึ้นในช่วงปลายเดือนมิ.ย.นี้
อีกทั้ง ผู้บริโภคในยุโรปขาดความเชื่อมั่นจับจ่ายใช้สอย
เพราะกังวลปัญหาเศรษฐกิจที่อาจขยายตัวมากขึ้น และลามไปทั่วยุโรป
ส่งผลทางจิตวิทยาให้ชะลอการบริโภค และเศรษฐกิจอาจหดตัวได้อีก
ปัญหาเหล่านี้ แน่นอนว่า จะทำให้อียูไม่มีเงิน
และไม่มีมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากพอ ที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศสมาชิก
และกอบกู้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของยูโรโซน ให้พลิกฟื้นขึ้นมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว
จึงเลี่ยงไม่ได้เลย
ที่ภาคการส่งออกของไทยไปยุโรป ยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องไปอีกนานหลายปี
อย่างน้อยก็คงไม่ต่ำกว่า 3-5 ปี จนกว่าเศรษฐกิจยุโรปจะฟื้นตัวและกลับมาแข็งแกร่งได้ดังเดิม
อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสด้านการค้า
การลงทุนอยู่ เนื่องจากอียูยังเป็นตลาดใหญ่ มีอำนาจซื้อสูง มีศักยภาพด้านการลงทุน
แต่ผู้ส่งออกไทยต้องปรับตัวใหม่ โดยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพหลีกหนีคู่แข่ง หาช่องทางใหม่ๆ
ผลักดันสินค้าเข้าตลาด
หากทำเช่นนี้ได้
เชื่อแน่ว่า สินค้าไทยยังคงเป็นที่ต้องการของทุกตลาดทั่วโลก
ไม่เฉพาะแค่ยุโรปเท่านั้น!!
ฟันนี่เอส
28 มิ.ย.55
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น