“คุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ”
ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันอนาคตไทยศึกษา
ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับความคุ้มค่าของแอร์พอร์ตลิงค์ ที่รัฐบาล “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท และเตือนสติรัฐบาลชุดนี้ให้มองถึง “บทเรียน”
ที่เกิดขึ้น และคำนึงถึงความคุ้มค่าของการใช้งบประมาณในโครงการลงทุน
2.2 ล้านล้านบาท
โดยจากการวิเคราะห์ของสถาบันฯ พบว่า
แอร์พอร์ตลิงค์ ที่รัฐบาลยุคนั้นวาดฝันไว้อย่างสวยหรู
กลับมีผลดำเนินงานต่างจากแผนงานอย่างสิ้นเชิง!!
เพราะปัจจุบัน
มีผู้โดยสารใช้บริการจริงเฉลี่ย 40,811 คนต่อวันเท่านั้น แบ่งเป็นผู้โดยสารของซิตี้ไลน์ 38,230
คนต่อวัน และเอ็กซ์เพรสไลน์ 2,581 คนต่อวัน
จากที่ระบุในแผนคาดจะมีผู้โดยสารเฉลี่ย 95,900 คนต่อวัน
แบ่งเป็นซิตี้ไลน์ 87,700 คนต่อวัน และเอ็กเพรสไลน์ 8,200
คน
ส่วนบริการเช็คอินและขนถ่ายสัมภาระผู้โดยสาร
ที่ระบุในแผน สถานีมักกะสันจะเป็นสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารจากสนามบินสุวรรณภูมิ
และนำสัมภาระมาเช็คอินเพื่อใช้บริการขนถ่ายสัมภาระไปสุวรรณภูมิ
แต่กลับมีผู้โดยสารเช็คอินเฉลี่ย 12 คนต่อวันเท่านั้น
ส่งผลให้ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก
อีกทั้งยังไม่สามารถกู้เงินเพื่อซื้อรถไฟฟ้าขบวนใหม่ ทดแทนขบวนปัจจุบัน
ที่ต้องซ่อมบำรุงเมื่อใช้งานครบ 1 ล้านกิโลเมตรในปี 57
และยังไม่ได้รับอนุมัติงบจากกระทรวงการคลัง เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง
แม้เมื่อเร็วๆ นี้ แอร์พอร์ตลิงค์ระบุว่า
ขณะนี้มีรายได้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว
จากปัญหาที่เกิดขึ้น “คุณเศรษฐพุฒิ” ระบุว่า เป็น “บทเรียน”
ที่ต้องแก้ไข โดยบทเรียนที่ 1 ข้อมูลโครงการลงทุนของรัฐควรเปิดเผยและเข้าถึงง่าย
บทเรียนที่ 2 ตั้งคำถามกับตัวเลขต่างๆ
ที่รัฐนำเสนอว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ บทเรียนที่ 3 เปรียบเทียบงบประมาณที่จะใช้กับโครงการแบบเดียวกัน
เช่น โครงการ 2 ล้านล้านบาท
ควรเปรียบเทียบกับงบก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เพื่อให้งบถูกนำไปใช้อย่างคุ้มค่า
และมีประสิทธิภาพสูงสุด
บทเรียนที่ 4 ให้ความสำคัญกับทักษะบริหารจัดการโครงการ
โดยโครงการ 2 ล้านล้านบาท สังคมควรตั้งคำถามว่า
ใครควรบริหารและจัดการ การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพหรือไม่
เพื่อให้แน่ใจว่าโครงการจะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า ไม่ก่อให้เกิดภาระผูกพัน
บทเรียนที่ 5 การประเมินความเป็นไปได้ของโครงการดีพอหรือไม่
และใครเป็นผู้ประเมินความคุ้มค่า ซึ่งโครงการ 2 ล้านล้านบาท
ผู้รับผิดชอบคือ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) แต่ที่ผ่านๆ มา สบน.
จะตรวจสอบหลังจบโครงการแล้ว
และประเด็นที่ตรวจสอบไม่สะท้อนถึงความคุ้มค่าของโครงการ และบทเรียนสุดท้าย
ใครคือผู้รับผิดชอบโครงการ หากไม่ประสบความสำเร็จ หากไม่ต้องการให้โครงการ 2
ล้านล้าน เกิด “ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย” ควรปรับปรุงระบบประเมินผลทั้งก่อน และหลังอนุมัติดำเนินการใหม่
“ฟันนี่เอส” มองว่า
แอร์พอร์ตลิงค์ เป็นโครงการที่ดี
ที่ช่วยอำนายความสะดวกในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยว และคนไทยได้
แต่เพราะการบริหารจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง จึงกลายเป็น “ความอัปยศ” ของประเทศ เหมือนเสาตอม่อ “โฮปเวล” ที่ตั้งเป็นอนุสรณ์ประจานการทุจริตคอรัปชัน
เมื่อมีคนเตือนสติดังๆ
แบบนี้ รัฐบาลควรจะรับฟังไว้บ้าง เพื่อให้การใช้งบประมาณคุ้มค่า
และมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ถ้ายังเพิกเฉย ยังมีภาคประชาสังคม ที่กำลังรอจับผิดอยู่
ระวังตัวไว้ให้ดีแล้วกัน
ฟันนี่เอส
26 ก.ค.56
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น