สัปดาห์ก่อน
มีโอกาสติดตามคณะของกระทรวงพาณิชย์ นำโดยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ไปขาย
และประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิไทย ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ซึ่งได้ข้อมูลมาว่า ในช่วง
1-2 ปีที่ผ่านมา ไทยสูญเสียตลาดข้าวหอมมะลิในฮ่องกงให้กับคู่แข่งตลอดกาลอย่างเวียดนามไปเสียแล้ว
โดยแต่เดิม ฮ่องกงนำเข้าข้าวหอมมะลิไทยปีละกว่า
200,000 ตัน แต่ขณะนี้ลดลงเหลือ 160,000-170,000 ตันเท่านั้น หรือปริมาณหายไปราว 50,000 ตัน
คิดเป็นมูลค่าที่หายไปประมาณ 16,500 ล้านบาท จากราคาส่งออกข้าวหอมมะลิไทยในปัจจุบันที่ตันละ
1,100 เหรียญฯ
ด้วยเหตุผลที่คนทั่วโลกทราบกันดีคือ
ราคาข้าวหอมเวียดนาม ถูกกว่าข้าวหอมมะลิไทยตันละกว่า 200 เหรียญสหรัฐฯ
จึงเป็นแรงจูงใจอย่างดีให้อุตสาหกรรมที่ต้องใช้ข้าวในปริมาณมาก
อย่างกลุ่มลูกค้าโรงแรม ร้านอาหาร ภัตตาคาร ต้องลดต้นทุนด้วยการนำเข้าข้าวหอมเวียดนามแทน
แม้คุณภาพจะไม่สามารถเทียบเคียงข้าวหอมมะลิไทยได้เลย ทั้งในเรื่องของกลิ่นหอม และความนุ่ม
แต่สำหรับกลุ่มผู้บริโภค
ยังคงเหนียวแน่นอยู่กับการบริโภคข้าวหอมมะลิไทย แม้จะมีราคาสูงขึ้น แต่ก็ยังรับได้
เพราะมีกำลังซื้อสูง และนิยมบริโภคข้าวหอมมะลิ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิใหม่
จากสถานการณ์ดังกล่าว
ทำให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นั่งไม่ติด เร่งเดินหน้าแย่งส่วนแบ่งตลาดข้าวในฮ่องกงกลับคืนมาให้ได้
โดยจะจัดกิจกรรมร่วมกับผู้นำเข้า ประชาสัมพันธ์ให้ทั้งกลุ่มผู้บริโภค
และกลุ่มลูกค้าโรงแรม ร้านอาหาร ภัตตาคาร รับรู้ถึงคุณภาพที่ไม่มีข้าวชนิดใดเทียบเคียงได้ของข้าวหอมมะลิไทย
การจัดกิจกรรม
In Store Promotion ในห้างสรรพสินค้า
หรือการจัดมุมประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิไทย ให้ผู้บริโภคที่ยังไม่รู้จักได้รู้จัก
คุ้นเคย และหันมาบริโภคให้มากขึ้น รวมถึงประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อท้องถิ่นต่างๆ
ทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสารอาหาร หรือการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
ดึงดูดผู้บริโภค
กระทรวงพาณิชย์
มั่นใจว่า การดำเนินการดังกล่าว จะทำให้ไทยสามารถส่งออกข้าวหอมมะลิมายังตลาดฮ่องกงได้เพิ่มขึ้นอีก
60,000-70,000 ตัน
นอกจากนี้
การเดินทางไปฮ่องกงครั้งนี้ นายบุญทรง ยังได้เป็นประธานลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) การซื้อข้าวหอมมะลิจากไทย ระหว่างผู้ส่งออกข้าวไทย
กับผู้นำเข้าข้าวฮ่องกง รวม 9 ฉบับ ปริมาณรวม 100,000 ตัน เฉลี่ยตันละ 1,100 -1,112 เหรียญสหรัฐ
คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ
หรือคิดเป็นเงินบาท 33,000 ล้านบาท
แต่เท่าที่ทราบ
ไม่ใช่ตลาดข้าวหอมมะลิในฮ่องกงเพียงตลาดเดียว ที่ถูกข้าวเวียดนามช่วงชิงไป ยังมีอีกหลายประเทศทั่วโลก
ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป จีน สิงคโปร์ ส่วนข้าวขาวก็มีตลาดฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย
ที่ถูกข้าวเวียดนามแย่งส่วนแบ่งไปเช่นกัน
เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์โดยตรง
ที่จะเดินเกมแย่งตลาดกลับคืนมาให้ได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเสียตลาดไปอย่างถาวร ไม่ใช่มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาขายจีทูจีอย่างเดียว
ที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า มีจริงหรือเปล่า และรัฐขาดทุนเท่าไร
ฟันนี่เอส
6 ธ.ค.55
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น