ตอนนี้ ภาระหนักของกระทรวงพาณิชย์
ไม่ได้มีเพียงแค่การแก้ปัญหาค่าครองชีพประชาชนที่
กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง หรือการยกระดับราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น
แต่ยังมีภาระหนักที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือ
การผลักดันให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในปีนี้ ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 15%
จากปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 260,000
ล้านเหรียญ สหรัฐฯ หรือเกือบ 8
ล้านล้านบาท
เพราะเครื่องจักรหลักที่ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้คือรายได้จากการส่งออก
ที่มีสัดส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศกว่า 60% แต่ขณะนี้
เครื่องจักรหลักกำลังซวนเซ ไร้ทิศทาง และไม่รู้จะยังเป็นเครื่องจักรหลักที่ทำ
ให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้อีกหรือไม่!!
เนื่องจากมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไตรมาสแรกปีนี้ติดลบถึง
3.92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่า 54,641 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.69 ล้านล้านบาท ลดลง 1.63%
สาเหตุหลักมาจากผู้ผลิต/ผู้ส่งออกไทย
ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ปลายปีก่อนโรงงานผลิตหลายแห่งเสียหาย
และยังไม่สามารถเดินเครื่องผลิตได้เต็ม 100% เหมือนช่วงก่อนน้ำท่วม
ขณะเดียวกัน ตลาดส่งออกหลักๆ ทั้งสหรัฐฯ
สหภาพยุโรป หรือญี่ปุ่น ภาวะเศรษฐกิจยังเปราะบาง โดยเฉพาะฝั่งยุโรป
ที่การแก้ปัญหาหนี้สาธารณะยังไม่สำเร็จ และยังมีแนวโน้มขยายวงกว้างมากขึ้น
ส่งผลให้ความต้องการนำเข้าสินค้าของตลาดเหล่านี้ลดลง
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
จากราคาน้ำมันดิบ และราคาวัตถุดิบสูงขึ้น
ทำให้ผู้ประกอบการอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เพราะการขึ้นราคาอาจทำให้ลูกค้าหนีไปซื้อจากผู้ผลิตรายอื่น ที่มีต้นทุนต่ำกว่าแทน
แต่ถ้าไม่ขึ้นราคาก็อาจต้องกลืนเลือดตัวเองในที่สุด
เมื่อเห็นสารพัดปัญหารุมเร้าแบบนี้แล้ว
อยากถาม “นายภูมิ สาระผล” รมช.พาณิชย์
ที่กำกับดูแลกรมส่งเสริมการส่งออกว่า วางแผนแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร
เพื่อให้มูลค่าส่งออกพลิกกลับมาขยายตัวเป็นบวกโดยเร็วที่สุด
ที่ถามตรงๆ
เพราะไม่เห็นฯพณฯท่านจะกระตือรือร้นทำงาน หรือกำหนดนโยบายแก้ปัญหา
แต่กลับปล่อยให้กรมส่งเสริมการส่งออก ทำงานกันตามบุญตามกรรม
ขณะที่ตนเองกลับเดินสายไปต่างประเทศไม่หยุด
และไปแต่ละครั้งไม่มีผลงานให้เป็นที่ประจักษ์สมกับงบประมาณที่สูญเสียไป
ถ้าเป็นแบบนี้
คงไม่จำเป็นต้องมีรัฐมนตรีมากำกับดูแลการทำงานของข้าราชการให้เสียงบประมาณแผ่นดินก็ได้
ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ
ผลสำรวจเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
เรื่องความพอใจของประชาชนต่อคณะรัฐมนตรีในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา ยิ่งตอกย้ำให้เห็นชัดว่า ประชาชนพอใจการทำงานของ “นายภูมิ” เพียง 32.5% รั้งอันดับที่ 35
จากคณะรัฐมนตรี 38 คน
และยังติดอันดับ 4 ใน 10
รัฐมนตรีที่ชื่อไม่เป็นที่รู้จักของประชาชนด้วย
เดาได้ไม่ยากว่าการส่งออกปีนี้จะลูกผีหรือลูกคน
ถ้าโตตามเป้าหมายก็ให้รู้ไว้ว่าเป็นฝีมือข้าราชการกรมส่งเสริมการส่งออก
และภาคเอกชน ไม่ใช่รัฐมนตรี เฮ้อ! เห็นแล้วน่าภูมิใจแทนประชาชนที่เลือกมาเป็นส.ส.
และผู้สนับสนุนให้มานั่งเป็นรัฐมนตรีจริงๆ
ฟันนี่เอส
17 พ.ค. 55
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น