เคยไปทำข่าวที่กรุงปักกิ่ง
สาธารณรัฐประชาชนจีนมาแล้ว 3
ครั้ง ครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน
ตื่นเต้นมาก ที่จะได้เห็นแผ่นดินจีน แผ่นดินที่มีอารยธรรม
และวัฒนธรรมหยั่งรากลึกมานานหลายพันปี
ทันทีที่เดินออกจากงวงช้าง
เข้าสู่ตัวสนามบิน จมูกได้สัมผัสกับกลิ่นไม่พึงปรารถนาโชยออกมาจากห้องน้ำ
ถึงกับต้องกั้นหายใจ แล้วรีบจ้ำเดินให้ผ่านไปเร็วๆ ในใจตอนนั้น รับไม่ได้จริงๆ
เพราะจีน ที่ได้ชื่อว่าพี่เบิ้มแห่งเอเชีย และมีประวัติศาสตร์ชาติยาวนาน
แต่ห้องน้ำไม่สะอาดเอาเสียเลย
แต่เมื่อรถแล่นเข้าสู่ตัวเมือง ต้องปรับความคิดใหม่
เพราะตะลึงกับตึกรามบ้านช่อง ที่ใหญ่โตโอฬาร แค่เสาต้นเดียวของ “มหาศาลาประชาชน” (The Great Hall of the People) หรือรัฐสภา ไม่รู้กี่คนโอบจึงจะรอบ
แม้ตอนนั้น เศรษฐกิจจีนยังไม่ขยายตัวร้อนแรงเหมือนปัจจุบัน
แต่พรรคคอมมิวนิสต์ ผู้บริหารประเทศ
ไม่มีความคิดแบบไดโนเสาร์เต่าล้านปีเหมือนพรรคการเมืองบ้านเรา
จึงได้พัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า ทันสมัย เพื่อให้จีนได้รับการยอมรับ
และเบียดชาติตะวันตกมายืนอยู่แถวหน้าของโลกให้ได้
เมื่อสัปดาห์ก่อน
ได้กลับไปกรุงปักกิ่งอีกครั้ง ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬาร
เพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกปี 2551 และรองรับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน
เริ่มตั้งแต่สนามบินนานาชาติ
ที่ปรับปรุงใหม่ให้มีขนาดมหึมา ทันสมัยขึ้น ไม่มีกลิ่นจากห้องน้ำอีกแล้ว
ถนนหนทางขยายใหญ่ขึ้นหลายช่องทาง ตึกรูปทรงทันสมัยผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด
แหล่งเสื่อมโทรมในเมืองหลวงไม่มีให้เห็นอีก ร้านอาหารฟาสต์ฟูดส์
และร้านกาแฟแบรนด์นอกมากขึ้น ห้างสรรพสินค้าสร้างใหม่
และถนนคนเดินขายของตลอดทางมากขึ้น รองรับความต้องการบริโภคของประชาชน
ที่กินดีอยู่ดีมากขึ้น
นโยบายของไทย
ที่มุ่งกระชับความสัมพันธ์กับจีนในทุกระดับ ทั้งในเชิงลึกและกว้างจึงถือว่าถูกทาง
เพราะนาทีนี้เศรษฐกิจจีนแข็งแกร่งที่สุดในโลก
มีทุนสำรองระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก เป็นผู้นำเข้า-ส่งออกอันดับต้นของโลก
และยังมีโอกาสที่เศรษฐกิจจะขยายตัวได้อีกมาก
ซึ่งจะช่วยฉุดให้เศรษฐกิจไทยโตตามไปด้วย
แล้วยิ่งในการเดินทางเยือนจีนของนายกรัฐมนตรี
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อสัปดาห์ก่อน ทั้ง 2 ประเทศได้ลงนามบันทึกข้อตกลงแผนพัฒนาระยะ 5
ปีว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน
มีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 120,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 3 ล้านล้านบาท ในปี 2559
และยังได้รับข่าวดีจากบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนหลายแห่งว่าจะมาลงทุนในไทยแน่นอน
ทั้งเซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟ อินดัสทรี ที่จะลงทุนผลิตรถยนต์สำเร็จรูป ปีละ 100,000 คัน ป้อนตลาดไทย และส่งออก บริษัท
เกรทวอลล์ มอร์เตอร์ ที่จะลงทุนผลิตรถกระบะ
รวมถึงการนายกรัฐมนตรีของจีน นายเวิน
เจียเป่า รับปากที่จะให้ “หลินปิง” อยู่ที่ไทยต่อไปหลังจากจะต้องส่งกลับคืนแผ่นดินแม่ในเร็วๆ
นี้ด้วยแล้ว
น่าจะรับประกันได้อย่างดีว่า ความสัมพันธ์ของ 2
ประเทศจะยิ่งใกล้ชิด แน่นแฟ้นมากขึ้น ว่ากันว่า คนจีน คนไทย ใช่อื่นไกล
พี่น้องกันทั้งนั้น การร่วมกันสร้างอนาคตของทั้ง 2
ฝ่ายจึงสมควรยิ่ง
ฟันนี่เอส
26 เม..ย 55
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น