ถ้าถามคนไทยทั้งประเทศว่า รู้จัก “องค์การคลังสินค้า” รัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพาณิชย์หรือไม่
เชื่อแน่ว่า คนไทยค่อนประเทศต้องรู้จักแน่นอน
เพราะนอกจาก อคส.จะเป็นหนึ่งในหลายๆ
หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาล
ที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกร และผู้คนหลากหลายในวงการเกษตรกรรมทั่วประเทศแล้ว
อคส.ยังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของคนในแวดวงสินค้าเกษตรและคนทั่วไปว่า
เป็นองค์กรที่มักจะพัวพันกับการทุจริตมากมาย โดยเฉพาะในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร
อย่างที่เป็นข่าวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เช่น
เจ้าหน้าที่คลังสินค้าปล่อยให้มีสต๊อกลมในโกดังเก็บสินค้าเกษตรในโครงการรับจำนำ
(ไม่มีสินค้าเก็บจริงในโกดัง หรืออาจจะมีน้อยกว่าปริมาณที่รับจำนำเข้ามา
เพราะเอาสินค้าไปเวียนขายก่อน เพื่อหาเงินเข้ากระเป๋า)
มีการเรียกรับเงินใต้โต๊ะจากผู้ต้องการมีส่วนร่วมในโครงการจำนำ
เช่น บริษัท/ผู้ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตร (เซอร์เวเยอร์) เจ้าของโรงสี
เจ้าของโกดัง/คลังสินค้า เพื่อให้ได้เข้าร่วมโครงการ
หรืออย่างบางยุคบางสมัย
อคส.เป็นมือเป็นไม้ให้ผู้มีอำนาจทางการเมืองกระทำการทุจริตในโครงการรับจำนำ
เพราะตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส. หรือประธานคณะกรรมการอคส. (บอร์ดอคส.)
หรือกรรมการบอร์ดบางคนมักเป็นคนของการเมือง
จึงทำให้ข่าวคราวการทุจริต
หรือความไม่โปร่งใสต่างๆ นานาเกิดขึ้นในองค์กรนี้อย่างไม่หยุดหย่อน!!
แม้แต่ในสมัยนี้ ที่มีพ.ต.ต.ศราวุฒิ
สกุลมีฤทธิ์ นั่งเป็นผอ.อคส.
ก็ยังเกิดความไม่ชอบมาพากลในโครงการแทรกแซงราคาหอมแดงจากเกษตรกรจ.ศรีสะเกษ 20,000
วงเงิน 300 ล้านบาท ที่จู่ๆ หอมแดงจำนวนหนึ่งหายไปจากที่เก็บ
และยังมีอีกส่วนที่เน่าเสียหาย จากการจัดเก็บแบบทิ้งๆ ขว้างๆ
สร้างความเสียงานให้กับรัฐบาลเกือบ 160 ล้านบาท
กระทรวงพาณิชย์
สั่งการด่วนให้อคส.ตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ผ่านไปหลายเดือนก็ยังจับมือใครดมไม่ได้
ส่งผลให้คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) และกระทรวงพาณิชย์
ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้น 2 ชุด
ขณะเดียวกัน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์
รมว.พาณิชย์ ที่กำกับดูแลงานของอคส.ควันออกหู ออกปากสั่งพักงาน “ผอ.อคส.” ชั่วคราว
จนกว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหอมแดงทั้ง 2 คณะ จะได้ข้อเท็จจริง
แต่การสั่งพักงานดังกล่าว
ไม่ได้หมายความว่า ผอ.อคส.มีพฤติกรรมทุจริต
หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้ แต่เพื่อกันไม่ให้เข้ามาล้วงลูก
หรือแก้ไขความผิดให้เป็นถูก เพราะเห็นแก่หน้าลูกน้อง
นี่ยังไม่รวมกรณีที่วงการค้าข้าววิพากษ์วิจารณ์หนาหูว่า
มีการล็อกสเปกต์ในโครงการจัดหาผู้ประกอบการค้าข้าวให้ปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุง
ที่จะขายในร้านถูกใจ โดยล็อกให้ผู้ประกอบการ 3-4 รายได้งานนี้ไป
เรื่องของอคส.พูดได้คำเดียวว่า
ต้องหาตัวคนผิดมาลงโทษขั้นเด็ดขาดให้ได้ จะได้เป็นเยี่ยงอย่าง ให้เกิดความเข็ดหลาบ
และทำให้องค์กรนี้กลายเป็นองค์กรที่โปร่งใส ไร้ข้อครหาเสียที
เพราะคนดีๆ จะได้มีกำลังใจทำงานต่อไป
และจะได้กล้าบอกใครๆ ว่า เป็นคนของ “อคส.” อย่างเต็มภาคภูมิ
ฟันนี่เอส