วันนี้ ขอปรบมือดังๆ
ให้กับแนวทางของ นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์
ที่ประกาศจะจัดการกับมาเฟียหมู และพ่อค้าหมูคนกลาง ที่ทำธุรกิจเอาเปรียบประชาชน
และเกษตรกรมาอย่างยาวนาน และสถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่มีใครเข้ามาจัดระเบียบการทำธุรกิจ
พ่อค้าคนกลางเหล่านี้จะมีทั้งที่รับซื้อหมูเป็นจากเกษตรกรผู้เลี้ยงมาชำแหละเอง
และรับซื้อจากโรงชำแหละมาขายต่อให้พ่อค้าหน้าเขียง แต่ราคาที่ขายให้นั้นกลับสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น
และมีกำไรสูงเกินควร
ส่งผลให้ราคาเนื้อหมูหน้าเขียงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และแทบไม่มีการลดราคาลงเลย ทั้งที่ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลดลงแล้ว
อย่างในปัจจุบัน
ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลดลงเหลือกก.ละ 50 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นราคาขายที่เกษตรกรยังขาดทุนอยู่
จากก่อนหน้านี้เกือบกก.ละ 70 บาท โดยราคาหมูเป็นในระดับนี้
ราคาหมูเนื้อแดงควรจะไม่เกินกก.ละ 100 บาท แต่จากการสำรวจตามตลาดสดทั่วไป
ยังอยู่ที่กก.ละ 125-130 บาท เท่ากับเมื่อตอนที่ราคาหมูเป็นเกือบกก.ละ 70 บาท
ส่วนราคาในขายในห้างค้าปลีก
และห้างสรรพสินค้าไม่ต้องพูดถึง แพงกว่าตลาดสดอีกหลายบาท
เพราะอ้างว่าเป็นหมูคัดพิเศษ คุณภาพยอดเยี่ยม
เจ้าของเขียงหมูหลายราย ให้คำตอบตรงกันว่า
ที่ยังขายเนื้อหมูแพง เพราะพ่อค้าหมูคนกลางรายใหญ่บางราย เช่น ที่ตลาดสุชาติ
ย่านรังสิต และตลาดไท ขายต่อให้ในราคาแพงนั่นเอง จึงไม่สามารถลดราคาขายให้สอดคล้องกับราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มที่ลดลงได้
เพราะเขียงหมู ยังมีต้นทุนด้านอื่นๆ อีกที่จะต้องรับผิดชอบอีก
ดังนั้น กรมการค้าภายใน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลปัญหาปากท้องประชาชน
จึงเร่งรวบรวมรายชื่อพ่อค้าคนกลางหมูทั่วประเทศ แล้วขึ้นบัญชีไว้
เพื่อให้รู้ว่ามีกี่ราย เป็นใครบ้าง ขายต่อไปให้เขียงหมูที่ไหนบ้าง คาดว่า
ในสัปดาห์หน้าน่าจะขึ้นบัญชีได้แล้วเสร็จ
จากนั้นจะเชิญมาหารือ เพื่อขอความร่วมมือให้ขายส่งในราคาที่เป็นธรรม
เพื่อให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้า และสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่สอดคล้องกับต้นทุนที่ลดลง
ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือ จะใช้กฎหมาย 2 ฉบับในการแก้ปัญหานี้ คือ
พ.ร.บ.ราคาสินค้าและบริการพ.ศ.2542 ว่าด้วยการจงใจทำให้ราคาสินค้าปั่นป่วน
และสูงเกินจริง มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
และ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้าพ.ศ.2542 ว่าด้วยการร่วมกันกำหนดราคา
(ฮั้ว) มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และในกรณีที่กระทำความผิดซ้ำต้องระวางโทษเป็นทวีคูณ
”ฟันนี่เอส”
และผู้บริโภคทั่วประเทศ ขอเอาใจช่วยให้กรมการค้าภายใน ทำงานนี้ให้สำเร็จ และ
“ดัดสันดาน” มาเฟียหมูให้ได้ เพราะไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน
ที่เราต้องถูกกลุ่มคนเหล่านี้เอาเปรียบ กอบโกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าอย่างมันมือ
และคงตกทอดการทำธุรกิจลักษณะเช่นนี้ไปถึงลูกถึงหลาน
งานนี้ถ้าทำสำเร็จน่าจะเป็นผลงานชิ้นโบแดง เพราะที่ผ่านๆ
มา กรมการค้าภายใน มีแต่ผลงานชิ้นโบดำเท่านั้น
ฟันนี่เอส
23 ก.พ. 55
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น